พาราสาวะถี
ไม่ต้องไปค้นหาคำตอบใด ๆ เพราะเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการเลือกตั้งบัตร 2 ใบมีผลบังคับใช้ การเลือกตั้งจะต้องเป็นไปในรูปแบบใหม่เท่านั้น
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการยุบสภาก่อนที่จะมีการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่สำคัญ 2 ฉบับคือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้วเสร็จหรือไม่ ความจริงแทบที่จะไม่ต้องไปค้นหาคำตอบใด ๆ เพราะเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการเลือกตั้งบัตร 2 ใบมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าจะยุบก่อนหรือหลังกฎหมายลูกแล้วเสร็จ การเลือกตั้งจะต้องเป็นไปในรูปแบบใหม่เท่านั้น
นั่นก็จะนำมาซึ่งความยุ่งยาก หมายความว่าภาระหนักจะต้องไปอยู่บนบ่าของกกต. เพราะกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดยกรณีนี้ วิษณุ เครืองาม ถึงกับเอ่ยปากา “ยุ่ง อย่านึกเลย อย่าพูดเลย ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มันเกิด” คำถามก็คือโอกาสที่มันจะนำไปสู่การยุบสภาก่อนร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับจะแล้วเสร็จมีอะไรเป็นตัวแปร ปัจจัยสำคัญทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
ด้วยเหตุที่ว่าเหตุผลของการจะนำไปสู่การยุบสภาได้นั้นคือ รัฐบาลมีปัญหาความขัดแย้งกับฝ่ายนิติบัญญัติจนไม่สามารถที่จะหาทางออกร่วมกันได้ อันหมายถึงความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรงเพราะเป็นผู้ที่ถือเสียงข้างมากในสภา หรือท่านผู้นำเห็นว่าตัวเองและพรรคที่ให้การสนับสนุนมีคะแนนนิยมที่ดี ได้เปรียบคู่แข่งทางการเมือง จึงชิงยุบสภาได้กุมความได้เปรียบ แต่ทั้งสองปัจจัยยังมองไม่เห็นหรือมีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะคะแนนนิยมของรัฐบาล
ดังนั้น หากจะมีเหตุของการยุบสภาก่อนที่ร่างกฎหมายลูกจะแล้วเสร็จ ก็มีเพียงแค่ปัจจัยเดียวคือผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและองคาพยพที่เกี่ยวข้อง ต้องการให้เดินไปสู่ทางตัน เพื่อให้เกิดการสังคายนากันใหม่ แต่แนวทางเช่นนี้สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการถูกยึดอำนาจตามมา เพราะเมื่อบ้านเมืองไร้ทางออก โดยที่กระบวนการทางกฎหมายไม่สามารถใช้บังคับได้ ย่อมหนีไม่พ้นท็อปบูธที่จะแสดงความเป็นฮีโร่เข้ามาล้มกระดานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เกิดประโยชน์กับอำนาจที่อุ้มสมกันอยู่
อย่างไรก็ตาม พิจารณาจากท่าทีของพรรคสืบทอดอำนาจแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นคงมีน้อยมาก จับอาการของคนในพรรคแกนนำรัฐบาลและคนของพรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย ดูเป็นไปในทิศทางที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเป็นอย่างยิ่ง เหมือนผ่านกระบวนการพบปะพูดคุยตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เงื่อนเวลาที่จะพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับก็เป็นไปตามที่รัฐบาล พรรคแกนนำรัฐบาลและเพื่อไทยคาดการณ์คือมีนาคม 2565
ไม่เพียงเท่านั้น ไพบูลย์ นิติตะวัน ซามูไรกฎหมายของพรรคสืบทอดอำนาจยังช่วยการันตีอีกแรง ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ในส่วนของรัฐบาลที่ให้กกต.เป็นผู้ร่างก่อนจะจัดส่งให้ครม.เห็นชอบและส่งไปยังรัฐสภาพิจารณาเป็นร่างหลักที่ใช้ในการพิจารณารับหลักการในวาระแรก โดยพบว่าร่างของพรรคร่วมรัฐบาลมีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับร่างของกกต. ส่วนร่างของพรรคเพื่อไทยก็มีเนื้อหาที่คล้ายกันกับกกต.
เว้นแต่ร่างฉบับของพรรคก้าวไกลที่ต่างกัน ว่าด้วยวิธีคำนวณส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งก้าวไกลเสนอแบบจัดสรรปันส่วนผสมหรือ MMP ประเด็นนี้ไพบูลย์ย้ำว่ามีเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ร่างของพรรคก้าวไกลจะไม่ผ่านในวาระรับหลักการ แต่ร่างของกกต. ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล และร่างของเพื่อไทย เชื่อว่าจะผ่านในวาระรับหลักการ เข้าสู่การพิจารณาในวาระที่สอง ตรงนั้นค่อยไปถกเถียงหาทางออกร่วมกันอีกครั้งว่ารูปแบบต่าง ๆ จะออกมาอย่างไร
อย่างน้อยเท่าที่มีการแพลมข้อมูลออกมา ร่างของกกต.ที่จะส่งให้ครม.เห็นชอบ โดยที่ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและเพื่อไทยน่าจะเห็นสอดคล้องกันก็คือ มาตรา 61/1 ที่บัญญัติให้พรรคการเมืองใช้เบอร์เดียวทั้งส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ และมาตรา 128 บัญญัติเกี่ยวกับการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการคำนวณส.ส.ในการเลือกตั้งปี 2554 ที่เรียกว่าหาจำนวนเต็มแล้วหารด้วย 100 ถ้าไม่ใช่การสับขาหลอกหากออกมาในรูปแบบนี้พรรคสืบทอดอำนาจก็ยืนยันว่าตรงกับแนวทางที่พรรคเคยศึกษาไว้
ในเวลานี้ที่ฝันหวานไปไกลถึงผลการเลือกตั้งที่จะออกมาคงหนีไม่พ้นพรรคนายใหญ่ที่หวังว่าจะได้จำนวนส.ส.แบบแลนด์สไลด์ แต่อย่างที่บอกคงไม่มีพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคไหนจะโง่พอในการไปแก้กฎหมายเพื่อให้คู่แข่งของตัวเองได้เปรียบ การปลดล็อกวิธีการที่ขยับกันนั้นก็เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองติดกับดักวิธีการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวเหมือนที่เพื่อไทยไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียวมาแล้วเท่านั้น ส่วนวิธีการเลือกแบบบัตรสองใบแล้วไม่ให้พรรคคู่แข่งชนะแบบถล่มทลายต้องไปดูในชั้นกรรมาธิการยกร่าง
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์กันว่าถ้าสูตรเลือกตั้งเป็นไปแบบที่ไพบูลย์ว่าจริง เหมือนเป็นการส่งสัญญาณกลาย ๆ ว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอาจจะโบกมือบ๊ายบาย แล้วปล่อยให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไปบริหารจัดการจัดสรรอำนาจกับนักการเมืองอาชีพกันเอาเอง แต่ถ้าไม่ใช่ก็หมายความว่าการพลิกแพลงในกระบวนการร่างกฎหมายลูกที่จะอาศัยชั้นเชิงของเนติบริกรข้างกายทั้งหลายเข้ามาเสกสรรปั้นแต่งนั้นก็มีความเป็นไปได้สูง แต่หากทำเช่นนั้นน่าจะนำไปสู่หนทางการเผชิญหน้ามากกว่าจะกลับมาสู่อำนาจอย่างราบรื่นเรียบร้อย
ขณะเดียวกัน ระหว่างที่มีการร่างกฎหมายลูกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่นั้น ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะอาศัยจังหวะเวลานี้เพื่อประเมินสถานการณ์และคะแนนนิยมของตัวเองไปในตัวด้วย หากสิ่งที่ได้ดำเนินการไม่ว่าจะเป็นการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวเรียกเม็ดเงินเข้าประเทศ และเศรษฐกิจโดยภาพรวมกระเตื้องขึ้น ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถกลับมาชนะในสนามเลือกตั้งอย่างสง่างาม ผ่านวิธีการเลือกตั้งที่ไม่มีข้อครหาว่าเอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม และจะขึ้นสู่เก้าอี้ผู้นำอย่างมีศักดิ์ศรี แต่ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่ฝันก็ตัวใครตัวมัน