IVL เดินหน้าสู่ความมั่นคง

น่าจะมีเฮอีกครั้งในอนาคต หลังปลายเดือนที่ผ่านมา IVL ประการลงนามเพื่อซื้อทรัพย์ทรัพย์สินเป็นโรงเอทิลีน (Ethylene Cracker) ในประเทศสหรัฐอเมริกา (บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 76%) โรงงานคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเอทิลีนและโพรพิลีน จำนวน 370,000 ตันและ 30,000 ตันต่อปีตามลำดับซึ่งใช้อีเทนและโพรเพนเป็นวัตถุดิบหลัก


คุณค่าบริษัท

 

น่าจะมีเฮอีกครั้งในอนาคต หลังปลายเดือนที่ผ่านมา บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVLได้ประการลงนามเพื่อซื้อทรัพย์ทรัพย์สินเป็นโรงเอทิลีน (Ethylene Cracker) ในประเทศสหรัฐอเมริกา (บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 76%) โรงงานคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเอทิลีนและโพรพิลีน จำนวน 370,000 ตันและ 30,000 ตันต่อปีตามลำดับซึ่งใช้อีเทนและโพรเพนเป็นวัตถุดิบหลัก

ทั้งนี้ IVL คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปี 60 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้บริษัทได้ผลประโยชน์จาก shale gas ในประเทศสหรัฐฯและสร้างความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบให้กลุ่มบริษัทได้ นอกจากนี้ IVL มีแผนในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 8.5 ล้านตันในปัจจุบันเป็น 11.8 ล้านตันภายในปี 61

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการของ IVL มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในไตรมาส 4 ปี 58 จากการหายไปของรายการค่าใช้จ่ายพิเศษต่างๆ พร้อมกับเห็นแนวโน้มที่ดีจากการฟื้นตัวของ Spread โดยเฉพาะในฝั่งของกลุ่มประเทศตะวันตก (อเมริกาและยุโรป) หลังทั้งประเทศสหรัฐฯและยุโรปได้ประกาศมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) กับสินค้า PET จากจีนและอินเดีย

นี่ทำให้เป็นประโยชน์โดยตรงต่อ IVL ที่เป็นผู้เล่นที่มีโรงงานขนาดใหญ่ในกลุ่มประเทศดังกล่าว เราคิดว่าหากราคาผลิตภัณฑ์ไม่ปรับตัวลงแรง ผลประกอบกาปีนี้จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นที่ระดับ 5,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น282.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก 58 บริษัทมีกำไรสุทธิแล้วจำนวนกว่า 5,464 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมเพียง 65,021.21 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 66,143.40 ล้านบาท แต่บริษัทกลับมีกำไรเพิ่มขึ้น 5,214.81 ล้านบาท หรือ 1.04 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,482.84 ล้านบาท หรือ 0.30 บาทต่อหุ้น ด้วยกา ไรจากสินค้าคงเหลือจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้นและกา ไรจากการต่อรองราคาซื้อจากการเขาซื้อกิจการ ทำให้บริษัทรายงานกำไรสุทธิ

สำหรับผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีรายได้เพียง 119,101.79 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 128,389.68 ล้านบาท ขณะที่กำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5,577.57 ล้านบาท หรือ 1.07 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,851.32 ล้านบาท หรือ 0.38 บาทต่อหุ้น เป็นการยืนยันว่าบริษัทยังมีความแข็งแกร่งอยู่

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี มองว่าบริษัทจะฟื้นตัวผลักดันให้กำไรทั้งปีเติบโตโดดเด่นได้ในไตรมาส 4 ปี 58 ขณะที่บริษัทอยู่ในช่วงการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจปลายน้ำและต้นน้ำ จึงแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมของอยู่ที่ระดับ 27 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.บริษัท อินโดรามา รีซอสเซส จำกัด 3,066,038,376 หุ้น 63.69%

2.ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 230,180,944 หุ้น 4.78%

3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 206,287,340 หุ้น 4.28%

4.CANOPUS INTERNATIONAL LIMITED 130,000,000 หุ้น 2.70%

5.นายทวีฉัตร จุฬางกูร 99,784,300 หุ้น 2.07%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นายศรี ปรากาซ โลเฮีย ประธานกรรมการ

2.นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท

3.นายอาลก โลเฮีย รองประธานกรรมการ

4.นายระเฑียร ศรีมงคล รองประธานกรรมการ

5.นางสุจิตรา โลเฮีย กรรมการ

Back to top button