ลี กา ชิง กับ สี จิ้น ผิงพลวัต2015
ปรากฏการณ์ที่น่าจับตาอย่างมาก ในยามที่จีนกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการปรับสมดุลประเทศครั้งสำคัญในยุคของ สี จิ้น ผิง-หลี่ เค่อ เฉียง คือ การที่สื่อทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกมาโจมตี ลี กา ชิง (หลี่ กา เส่ง ในภาษาแต้จิ๋ว) มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย ชาวฮ่องกง
ปรากฏการณ์ที่น่าจับตาอย่างมาก ในยามที่จีนกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการปรับสมดุลประเทศครั้งสำคัญในยุคของ สี จิ้น ผิง-หลี่ เค่อ เฉียง คือ การที่สื่อทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกมาโจมตี ลี กา ชิง (หลี่ กา เส่ง ในภาษาแต้จิ๋ว) มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย ชาวฮ่องกง
ข้อกล่าวหาคือ ลี ใส่ใจกับประโยชน์ส่วนตัวของเขา มากกว่าประโยชน์ของประเทศจีน
หลายคนได้ยินข้อกล่าวหานี้ อดคิดไปถึงการกวาดล้างครั้งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุคที่ผ่านมาหลายยุคได้ไม่ยาก ทั้งที่ความจริงแล้ว ลี ไม่ได้เป็นทั้งคนที่ถือสัญชาติจีน และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ฐานะและความสัมพันธ์อันราบรื่นของลีในอดีตกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น แนบแน่นยากจะแยกแยะว่า ส่วนไหนเป็นการเมืองและส่วนไหนเป็นธุรกิจ
แม้กระทั่งในความร่ำรวยของลีจากเจ้าของโรงงานพลาสติกขนาดเล็ก มาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย โยงใยเข้ากับชะตากรรมการขึ้นลงของผู้นำจีนแต่ละยุคสมัยอย่างแยกไม่ออก
ลี มีเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว อพยพจากจีนมาอยู่ในฮ่องกง มีประวัติการศึกษาน้อยมาก เมื่อเขาเริ่มธุรกิจเป็นเจ้าของกิจการเองใน ค.ศ. 1950 เพื่อค้า และผลิตภัณฑ์พลาสติก ก็ประสบความสำเร็จ จนบริษัทของเขา เฉิงกง อินดัสตรีส์ สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงได้ ใน ค.ศ.1972
จากนั้น ลี ก็อาศัยจังหวะที่อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงทรุดหนักรุนแรงเพราะ อังกฤษและจีนเริ่มการเจรจาถ่ายโอนอำนาจเกาะฮ่องกง รุกเข้าสู่ธุรกิจนั้นในช่วงต้นทุนต่ำ จนเมื่อธุรกิจฟื้นตัวระลอกใหม่ เขาก็กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกงโดยปริยาย
จากนั้นลีก็ใช้วิศวกรรมการเงินทำการทุ่มกวาดต้อนกิจการมาไว้ใต้อาณาจักรของเขา สารพัด ที่โดดเด่นคือ กิจการเรือเดินทะเล โทรคมนาคม และสาธารณูปโภคทุกชนิด
ไม่มีใครรู้ว่า ทางการปักกิ่งอยู่เบื้องหลังการเติบใหญ่ของลี แค่ไหน แต่เมื่อลี ได้รับเชิญเข้าไปเป็นกรรมการในบอร์ดบริษัทใหญ่อย่าง ซิติก (CITIC) ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยกองทัพปลดแอกประชาชนจีนหรือ PLA ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ลีกับผู้นำปักกิ่งนั้น มีโยงใยกันลึกซึ้งแยกไม่ออกว่าอย่างไหนเป็นการเมือง และอย่างไหนเป็นธุรกิจ
มีบางคน ยกตัวอย่างนิยายเสียดสีการเมืองของจอร์จ ออร์เวล เรื่อง Animal Farm มาระบุว่า ลีคือ สหายอันดับหนึ่งในฮ่องกงของทางการจีน
แม้ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา อาจจะทำให้ใครบางคน โดยเฉพาะโลกตะวันตกมองว่า ลีคือ ตัวแทนหรือนายหน้าของทางการปักกิ่ง แต่ลีก็ยังคงถือพาสปอร์ตฮ่องกง และอีกหลายประเทศไม่เคยเปลี่ยนมาถือสัญชาติจีน และลูกของเขาทุกคนก็ล้วนถือสัญชาติแคนาดาทั้งหมด
ระยะหลายปีหลังมานี้ ลีขยายอาณาจักรของเขาในเอเชียแปซิฟิก เข้าไปในยุโรปและสหรัฐฯมากขึ้น จนถูกหลายคนสร้างมุมมองว่า นี่คือ การรุกในฐานะตัวแทนของปักกิ่งนั่นเอง แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆ ว่า เกี่ยวข้องกันมากน้อยเพียงใด แต่การเข้านอกออกในทำเนียบผู้นำปักกิ่งเป็นว่าเล่น ในยุคของ เจียง เจ๋อ หมิน และหู จิ่น เทา ทำให้คนทั่วไปเชื่อกันว่า ลีคือ คนที่ “ไม่อาจะแตะต้องได้” ในจีน
วันนี้ ท่าทีของสื่อจีนที่เริ่มโจมตีลี จึงสะท้อนและส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจและท่าทีของผู้นำจีนในยุคสี จิ้น ผิง-หลี่ เค่อ เฉียง อย่างมีนัยสำคัญ เพียงแต่ไม่มีใครทราบชัดเจนว่า เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว มีเจตนาใด ซ่อนเอาไว้
ประเด็นหลักของข้อกล่าวหาคือ เครือข่ายอาณาจักรโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ของลี ทำการ “ทุบตลาด” อสังหาริมทรัพย์ในจีนด้วยการขายทิ้งเพื่อขนทุนออกไปลงในยูโรโซนและสหรัฐฯมากขึ้น เพราะเห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงขาลง ตอกย้ำว่า เป็นกลุ่มทุนที่เห็นแก่ตัว สร้างความมั่งคั่งจากหายนะของเศรษฐกิจจีน
เรื่องนี้ ไม่ใช่ธรรมดา ฝ่ายภาพลักษณ์ของเครือข่ายลี จึงออกมาตอบโต้พร้อมกับแพร่ข้อมูลว่าไม่ถูกต้อง มูลนิธิเอไม่หวังกำไรของลีหลายแห่ง ได้ทุ่มเงินมากกว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าไปสร้างสาธารณประโยชน์ในจีนต่อเนื่องในปัจจุบันและอนาคต
ที่สำคัญ 2 ปีมานี้ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกของลี ก็เข้าไปลงทุนเปิดสาขามากกว่า 1 พันแห่งในจีน และยังลงทุนโครงการที่รอรับรู้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ตามเมืองใหญ่ของจีนด้วยวงเงินลงทุนมากถึง 215 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้สังเกตการณ์การเมืองในจีน ชี้ว่า ส่วนหนึ่งของการโจมตี น่าจะมาจากการที่ ลี และกลุ่มทุนใหญ่ในฮ่องกงจำนวนมาก ไม่สนับสนุนการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหาร เหลียง ชุน หยิง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “เด็กสายตรงของรัฐบาลปักกิ่ง” แต่ไปสนับสนุนกลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติของฮ่องกงที่ประกาศตัว “ไม่เอาเหลียง” อย่างเปิดเผย
อีกมุมหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญการเมืองสไตล์จีน กลับมองว่า การเมืองในฮ่องกงเป็นประเด็นเล็ก เพราะเรื่องใหญ่มากกว่าคือ ใน 15 เดือนที่ผ่านมา ทุนทั้งจีนและต่างชาติ ได้ไหลออกจากจีนมากถึง 4.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลุ่มธุรกิจของลี ประกาศการลงทุน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในยูโรโซน พร้อมกับรอเซ็นอีก 1.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเทกโอเวอร์กิจการโทรคมนาคมในอังกฤษและไอร์แลนด์อีก
ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้เชื่อว่า การโจมตีลี กา ชิง ไม่ได้มีจุดหมายที่กลุ่มของลีโดยตรง แต่ต้องการส่งสัญญาณแบบ “ตีวัวกระทบคราด” ไปยังกลุ่มทุนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกกับผู้นำปักกิ่งว่า อาจจะถูกจับตามองและขึ้นบัญชีดำในอนาคตได้ หากว่า ยังคิดจะถอนทุนออกจากจีนไปลงที่ประเทศเป้าหมายอื่นๆ ทดแทน
หากเป็นอย่างหลัง ก็สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างลี กา ชิง และผู้นำร่วมสมัยของปักกิ่ง อาจจะเป็นแค่ละครหน้าฉากที่ซ่อนอะไรมากกว่าที่คนทั่วไปได้เห็นอยู่