ซื้อหนักโกงหนัก

สุดท้ายก็สืบทอดอำนาจ ตั้ง ส.ว.มาโหวตตัวเอง กวาดต้อนนักการเมืองที่เคยด่า “ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง” มารองมือรองตีน


ส.ว.ตู่ตั้งประณามเลือกตั้ง อบต.ซื้อเสียง 200-2,000 บางพื้นที่ปริมณฑลขึ้นไปถึงหัวละหมื่น

จริงนะ แต่ไหนล่ะ ที่บอกจะรัฐประหารเพื่อปฏิรูปการเมือง สุดท้ายก็สืบทอดอำนาจ ตั้ง ส.ว.มาโหวตตัวเอง กวาดต้อนนักการเมืองที่เคยด่า “ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง” มารองมือรองตีน

ไหนล่ะ องค์กรคนดีที่ตั้งกันเองเต็มไปหมด ป.ป.ช. กกต. มีไว้ทำไม ไม่เห็นมีน้ำยาเปลืองค่าไฟตู้แช่ไวน์

ซื้อเสียงมาจากอะไร คนในเมืองก็ด่า ๆ ๆ ไม่ดูว่าชาวบ้าน “รับเงินหมา” กาคนอื่นถมไป ซื้อเสียงจะได้ผลต้องควบความนิยม หรือระบบอุปถัมภ์ เช่นผู้สมัครมีบารมีมีเครือข่าย ช่วยเหลือได้ตลอดสี่ปี โรคซื้อเสียงต้องรักษาด้วยการเลือกตั้งต่อเนื่อง เลือกด้วยนโยบาย ด้วยความนิยมพรรคหรือผู้นำ ไม่ใช่แก้ด้วยรัฐประหารแล้วตั้งสมุนบริวารเป็น ส.ว.

สังเกตสิว่าหลังรัฐประหารทุกครั้ง จะซื้อเสียงรุนแรงเสมอ เช่นหลังรัฐประหาร 2519 เกิดโรคร้อยเอ็ด หลังรัฐประหาร 2534 “พรรคมาร” สืบทอดอำนาจก็ทุ่มมหาศาล

เลือกตั้ง อปท.ถูกแช่แข็งร่วมสิบปี คสช.ป.ป.ช.สตง. ชี้หน้าท้องถิ่นโกง รวบอำนาจกลับไปให้มหาดไทยการเลือกตั้งถูกลดความหมาย ก็ไปเพิ่มระบบอุปถัมภ์ ซ้ำใกล้เลือกตั้งใหญ่ พรรคการเมืองส่งคนลงไปวางฐานคะแนน

อ๋อ พรรคเพื่อไทยมั้ง มีแต่แม้วซื้อได้ทุกอย่าง พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เขาไม่ซื้อเสียงกันหรอก

เลือกตั้ง อบต.เป็นสัญญาณว่าเลือก ส.ส.ครั้งหน้าจะใช้เงินหนักขึ้น สกปรกยิ่งขึ้น เพราะรัฐประหารสืบทอดอำนาจเสื่อมทุกด้าน แต่ต้องดันทุรังรักษาอำนาจ ต้องเอาชนะเลือกตั้งบนฐานอุปถัมภ์

พูดง่าย ๆ คือหาเสียงชูประยุทธ์เป็นนายกฯ ไม่ไหวแล้ว ผลงานล้มเหลวนโยบายก็พัง ต้องเอาชนะด้วยตัวส.ส.“บ้านใหญ่” ทุนท้องถิ่นผู้มีบารมีมีเครือข่ายหัวคะแนนดูแลประชาชนซึ่งต้อง “หยอดน้ำมัน” โดยอาจต้องพึ่งกลไกรัฐ ใบส้มใบแดง ทำลายคู่แข่ง

องคาพยพของระบอบสืบทอดอำนาจได้แก่ ผู้นำอำนาจนิยม รัฐราชการเป็นใหญ่ ทหารตำรวจหัวเกรียน ผู้พิพากษาตุลาการเคร่งขรึมอ้างนิติธรรม แต่อีกด้านคือ ส.ว.ตั้งกันเอง และนักการเมือง “บ้านใหญ่” ซึ่งต้องให้ประโยชน์ต่างตอบแทน

องคาพยพของระบอบจึงลักลั่นขัดแย้งกันเอง เช่น ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำ แต่เสียเปรียบที่สุดในพรรคร่วมรัฐบาล โควตารัฐมนตรีถูกเบียดบังให้พวกพ้องรัฐประหาร ทิ้งขว้าง ส.ส. เป็นภาระ “พี่ใหญ่” จึงเกิดกลุ่มก๊วนไม่พอใจ แย่งชิงอำนาจปั่นป่วนรายวัน ประยุทธ์โค่นธรรมนัสไม่ลง แต่ยังไม่ปรับ ครม. ก๊วนสามมิตรก็มีข่าวลือ ขู่ย้ายกลับเพื่อไทย เพิ่มอัตราต่อรอง ฯลฯ

เปรียบเทียบกันพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลแล้วได้ประโยชน์มากที่สุดคือภูมิใจไทย ได้ทั้งกัญชาได้ทั้งโปรเจกต์ เป็นพรรคที่บริหารจัดการระบบอุปถัมภ์เก่งที่สุด ตามสไตล์ “เนวินบุรี”

ถ้าเปรียบเป็นหุ้น ขอแนะนำให้เก็งภูมิใจไทย ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ก็จะเป็นพรรคอันดับสองในรัฐบาล กลับเข้ามาทุบหัวลำโพงทำโปรเจกต์แสนล้านต่อ

พรรคประชาธิปัตย์ยังได้รองจากภูมิใจไทย กลับกินโพลเป็นยาโด๊ปกล้าขัดใจตู่ ชูจุรินทร์เป็นนายกฯ ท่ามกลางเสียงหัวร่อ แต่นั่นคือ ปชป.หวังทวงคืนคะแนนฝ่ายอนุรักษนิยม คนกรุงคนใต้ที่ย้ายไปเลือก พปชร. เพราะอะไร เพราะมองว่าตู่เสื่อมแล้วไง

ให้สังเกตว่าพรรคกล้าได้เพื่อนประยุทธ์ไปช่วยภาคใต้ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็จะย้ายไปอยู่พรรคสี่กุมาร พรรคเหล่านี้หวังแย่งฐาน พปชร.ทั้งนั้น ไม่ได้หวังแย่งคะแนนฝ่ายค้าน เพราะมองตรงกันว่าประยุทธ์แย่แล้ว

เลือกตั้งครั้งหน้าจะซื้อเสียงรุนแรง สกปรก อยุติธรรม เพราะอำนาจเสื่อมแต่ต้องดันทุรัง โดยจากช่วงนี้ไปถึงเลือกตั้ง จะเกิดการฉ้อฉลกระหน่ำเพื่อสั่งสมทุน

นี่พูดถึงฝั่งไหน ให้ไปถามกลุ่มทุนใหญ่ ๆ เพราะเลือกตั้งทุกครั้งก็ต้องเตรียมเงินลงขัน ใครว่าไม่มีคอร์รัปชั่น เจ้าสัวหัวร่อตาย

Back to top button