พาราสาวะถี
บอกมาตั้งแต่ต้นถ้าไม่ใช่อย่างหนาก็คงไม่ใช่พวกเผด็จการ ยิ่งพวกเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องคูณความหนาเข้าไปอีกหลายชั้น
คงไม่ใช่กลอนพาไปแต่คือความตั้งใจของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่ยืนยันกับชาวอุดรธานีในการลงพื้นที่เมื่อวันหวยออก “จะอยู่ให้ครบเทอม” เพราะก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็ย้ำแล้วถึงร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ก็จะไม่ยุบสภา แม้จะมีการเรียกร้องถึงมารยาททางการเมืองที่เคยปฏิบัติมาในอดีตก็ตาม บอกมาตั้งแต่ต้นถ้าไม่ใช่อย่างหนาก็คงไม่ใช่พวกเผด็จการ ยิ่งพวกเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องคูณความหนาเข้าไปอีกหลายชั้น
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่รอบนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของแก๊ง 3 ป.ได้ร่วมคณะไปด้วย และมีการโชว์ภาพควงกันทักทายหยอกล้อกับประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างชื่นมื่น ถือโอกาสกลบข่าวภาพของการต่างคนต่างลงพื้นที่ก่อนหน้านั้นไปในตัว แต่คนส่วนใหญ่จะเชื่อตามนั้นหรือไม่ก็อีกเรื่อง เช่นเดียวกันกับเสียงของประชาชนที่มารอต้อนรับที่ตะโกนให้ลุงสู้ ๆ และอยู่ไปนาน ๆ ถือเป็นเสียงสวรรค์และทำให้พรรคสืบทอดอำนาจมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่
อย่าลืมเป็นอันขาดในการลงพื้นที่ทุกครั้ง ประชาชนที่มารอต้อนรับนั้นต้องไปเช็กจำนวนให้แน่ชัดว่าเป็นคนที่มาด้วยใจ นิยมชมชอบในผลงานเท่าไหร่ และที่มาด้วยการเกณฑ์จากการแจกปัจจัยนั้นมากหรือน้อยกว่ากัน ไม่ใช่การปรามาสหรือดูแคลนประชาชน หากแต่ถ้าได้ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะบางพรรคการเมืองในพื้นที่ภาคอีสาน ถนัดในการบริหารจัดการเรื่องเกณฑ์คนเป็นอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้ต้องอ่านให้ขาด เพราะมันมีผลต่อการพิจารณาตัวเองของท่านผู้นำ
หากเป็นพลังศรัทธาที่แท้จริง แสดงว่างานที่ทำมาตลอดกว่า 7 ปีนั้นเข้าตา ประชาชนชื่นชอบ และสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับชาวบ้าน แต่ถ้าไม่ใช่แล้วผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจดันไปเชื่อว่านี่คือผลแห่งการทุ่มเท ทำงาน มันก็จะกลายเป็นการทำให้ประเทศเสียโอกาส ผู้นำไม่สามารถที่จะเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้คิดและบริหารมานั้นมันถูกต้อง เหมาะสมแล้วหรือไม่ แต่มาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องมั่นใจว่าทุกอย่างดีสุดยอด ชนิดที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนเทียบได้ก็แล้วกัน
ทั้งนี้ หากจับตาความเคลื่อนไหวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสัปดาห์นี้จะเห็นได้ว่ามีการปักหลักให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถี่ยิบและตอบคำถามในทุกประเด็น ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ปกติหลังจากที่ตั้งการ์ดสูงมานาน ไม่ใช่เพราะเริ่มมั่นใจว่าสถานการณ์ทางการเมืองนั้นเอาอยู่แล้ว หากแต่เป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากบรรดานักเลือกตั้งที่สนับสนุนตัวเองทั้งหลายที่ทำท่าว่าจะตีจาก เพราะประเมินแล้วว่าสภาพการตั้งรับเช่นนี้ของผู้นำเท่ากับยอมรับสภาพอนาคตการเมืองข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดข่าวกลุ่มและคนสำคัญในพรรคสืบทอดอำนาจเตรียมที่จะย้ายออก แม้จะมีการมองกันว่า เป็นการย้ายคอกแต่ไม่ใช่ย้ายข้างก็ตาม ทว่าในภาวะที่การเมืองช่วงขาลงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐบาลนั้น การปล่อยให้อีกฝ่ายยึดพื้นที่ข่าวการเมืองตีกินฝ่ายเดียว ไม่ก่อให้เกิดผลดีอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงต้องเคลื่อนไหวสื่อสารและสร้างประเด็นเพื่อแสดงให้ฝ่ายสนับสนุนเห็นว่า ไม่มีการถอดใจและยังพร้อมที่จะไปต่อตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจที่วางเอาไว้
ขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการควบคู่ไปกับความพยายามในการจะเคลียร์ปัญหาภายในพรรคสืบทอดอำนาจให้เกิดความเป็นเอกภาพ เดินไปในทิศทางที่ควรจะเป็น เพียงแต่ว่ายังติดขัดปัญหาความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันเหมือนเดิม ทั้งระหว่างแก๊ง 3 ป.ด้วยกันเองและระหว่างตัวผู้นำกับบางคนในพรรค ถ้าจะชี้ให้ชัดก็คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่นเอง จนเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานสังสรรค์ของพรรคร่วมรัฐบาลถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด
ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์เรื่องความใจกว้างของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หากจะก้าวเดินบนถนนสายการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ก็ต้องรู้จักถอยยอมลบรอยบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เรียนรู้วิธีการของคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมังกรการเมืองทั้งหลาย คนเหล่านั้นทั้งที่ถูกให้ร้ายป้ายสีถึงบรรพบุรุษ หรือใช้ชุดข้อมูลที่ไม่เป็นจริงมากล่าวหา เล่นงาน แต่สุดท้ายก็สามารถร่วมงานทางการเมืองกันได้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
กรณีนี้ว่ากันว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.คอยเตือนน้องเล็กมาโดยตลอด ในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองและนักการเมืองมายาวนาน แต่จากการที่น้องรักอยู่ในอำนาจมานานและชอบที่จะให้คนตามใจมากกว่าขัดใจ จึงทำให้เกิดการแข็งข้อ ไม่ยอมฟังและเริ่มไม่ไว้วางใจพี่ใหญ่ของตัวเองจากการถูกเสี้ยมของบรรดาผู้ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไว้วางใจให้มาทำงานใกล้ตัว โดยเฉพาะซีกทางการเมือง อย่างไรก็ตามหลังจากที่งัดข้อจนกลายเป็นความบาดหมาง ก็ทำให้พบว่าการจะแยกกันเดินมีแต่จะนำไปสู่หุบเหว
การหันหลังกลับมาจับมือแบบหลวม ๆ ไม่แนบแน่นเหมือนก่อนหน้านี้ จึงเป็นการหยั่งท่าทีและประเมินท่วงทำนองการแสดงออกของลิ่วล้อในแต่ละฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไร ถ้าไม่มีใครตะขิดตะขวงใจและพร้อมที่จะก้าวเดินกันต่อไปตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้า อีกไม่นานเราจะได้เห็นการขยับทางการเมืองของพรรคสืบทอดอำนาจที่จะเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งนโยบายและตัวผู้สมัคร โดยมีตัวชี้วัดสำคัญคือร่างกฎหมายลูกที่อยู่ระหว่างการผลักดันเข้าสู่สภาในเวลานี้
โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน นอกเหนือจากมาตรการห้ามคนจาก 8 ประเทศเข้าไทยแล้วยังถือว่าไม่เพียงพอ ประชาชนจะต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ทันการณ์ แม้ข้อมูลจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกชั่วโมง แต่ในทางวิชาการมีหลักฐานหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่า โควิดโอไมครอนแพร่ระบาดได้เร็ว นั่นหมายความว่ารัฐบาลจะต้องเตรียมวางแผนรับมืออย่างเร่งด่วน รอบคอบและต้องป้องกันการหลุดรอดเข้ามาของเชื้อไวรัสตัวนี้อย่างเข้มงวด
สิ่งที่ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวก็คือ ถ้าโอไมครอนติดง่าย แพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลตา การกระจายของสายพันธุ์ใหม่ก็จะเข้าแทนที่สายพันธุ์เดลตาอย่างแน่นอน มองเห็นอันตรายรออยู่เบื้องหน้า ถ้ายังปล่อยให้เกิดการระบาดเหมือนรอบนี้อีก น่าจะถึงเวลาที่ต้องทบทวนตัวเองกันแล้วสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและผู้ร่วมขบวนการทั้งหลาย