TTB อนาคตเด่น ลุยการเงินครบวงจร

TTB แจ้งผ่านสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเข้าซื้อ TNI และ TNS ในสัดส่วนบริษัทละ 10% จาก Scotia Netherlands Holding B.V. (BNS)


คุณค่าบริษัท                    

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB แจ้งผ่านสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเข้าซื้อ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)  (TNI) และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS) ในสัดส่วนบริษัทละ 10% จาก Scotia Netherlands Holding B.V. (BNS) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ The Bank of Nova Scotia โดยมีมูลค่ารวม 1,605 ล้านบาท

สำหรับการเข้าซื้อธนชาตประกันภัย จำนวน 1,102 ล้านบาท และหลักทรัพย์ธนชาต จำนวน 503 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2564

โดยธนชาตประกันภัย เป็นบริษัทที่มีความชำนาญ และอยู่ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยมายาวนาน ทั้งยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาด 4.8% ถือเป็นลำดับที่ 7 ของอุตสาหกรรม และมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 4.9 พันล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประกันวินาศภัยและมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสูงถึง 1,381% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 140%

ขณะที่หลักทรัพย์ธนชาต อยู่ในธุรกิจมายาวนานและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 3.0 พันล้านบาท และมีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ 61% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 7%  ย่อมสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจให้กับลูกค้าหากจะเข้ามาเป็นพันธมิตร

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ธนชาตประกันภัย มีกำไรสุทธิ 670 ล้านบาท และหลักทรัพย์ธนชาต มีกำไรสุทธิ 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการที่ TTB เข้าซื้อหุ้น (TNI และ TNS เข้าถือสัดส่วน 10% ทั้งสองบริษัท) ทาง บล.เคทีบีเอสที มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อ TTB ในการเข้าลงทุนใน 2 ธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน  ซึ่งเป็นการต่อยอดและเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ครบวงจรมากขึ้น และทำให้เกิดพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ดีในอนาคต

นอกจากนี้ บล.เคทีบีเอสที กล่าวอีกว่ามีการสอบถามไปยังทาง TTB พบว่าสัดส่วนการเข้าซื้อที่ 10% เพียงพอแล้ว และจะไม่มีการเข้าซื้อเพิ่มอีกในอนาคต เพราะยังคงต้องการเป็น asset light โดย TTB ตั้งใจที่จะมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจร เพราะปี 2565 เตรียมออกแอปพลิเคชันที่สามารถซื้อได้ทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงินในแอปพลิเคชันเดียว

ทั้งนี้ธุรกรรมดังกล่าวเป็นการซื้อขายที่ระดับ PBV และ PER ที่เหมาะสม โดยซื้อ TNI ที่ระดับ 2.0 เท่า PBV  ใกล้เคียงกับดีล SCB ที่ขาย SCBLife ส่วน TNS ที่ระดับ 7.5 เท่า PER ใกล้เคียงกับ peers ที่ 7.8 เท่า ขณะที่ธุรกรรมดังกล่าวคิดเป็นเพียง 0.1% ของสินทรัพย์รวม และจะมี upside เพิ่มต่อกำไรในปี 2565 เล็กน้อยที่เพิ่มขึ้น 1.3% (คิดกำไรสุทธิแบบ annualize ของ TNI ปี 2565 ที่ 893 ล้านบาท และ TNS ที่ 667 ล้านบาท)

นอกจากนี้ คาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้นได้ถึง 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย integration กับ TBANK แล้ว และยังมี upside เพิ่มอีกเล็กน้อยจากทั้ง 2 ดีลนี้อีก ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” TTB และราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 1.35 บาท

….

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. ING BANK N.V. 22,190,033,791 หุ้น 23.02%
  2. บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) 20,416,613,367 หุ้น 21.18%
  3. กระทรวงการคลัง 11,364,282,005 หุ้น 11.79%
  4. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 5,031,347,008 หุ้น 5.22%
  5. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 5,031,347,007 หุ้น 5.22%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ
  2. นายฟิลลิป จี.เจ.อี.โอ. ดามัส ประธานกรรมการบริหาร,กรรมการ
  3. นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ รองประธานกรรมการ
  4. นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  5. พลเอกอภินันท์ คำเพราะ กรรมการ

Back to top button