เก็บหุ้นถูกล็อกดาวน์
ข่าวพบนักท่องเที่ยวสัญชาติสหรัฐฯ ติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นคนแรกที่พบในประเทศไทยอาจสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนบ้าง
ข่าวพบนักท่องเที่ยวสัญชาติสหรัฐฯ ติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นคนแรกที่พบในประเทศไทย
อาจสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนบ้าง
คาดว่าวันนี้เปิดตลาดขึ้นมา จะเกิดการ “แพนิก” ในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่าแนวรับ 1,570 น่าจะเอาอยู่
ต่อจากนั้นดัชนีน่าจะดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว
เรื่องของโอไมครอน ทั้งนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างประเมินหรือคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
คือ ประเทศไทยคงเลี่ยงไม่พ้นที่จะเผชิญกับสายพันธุ์นี้
นักลงทุนต่างประเทศ ต่างปรับพอร์ต โยกเงินลงทุนออกไปก่อนแล้ว ตั้งแต่ที่เชื้อสายพันธุ์นี้ยังระบาดไม่มากนัก
นัยสำคัญเพื่อถอยไปตั้งหลักรอดูความชัดเจนว่าจะรุนแรงแค่ไหน
ส่วนนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ ได้ขายหุ้นออกไปแล้วครึ่งพอร์ต เพื่อรอดูความชัดเจนเช่นกัน
ทั้งนักลงทุนต่างประเทศ และกองทุนน่าจะมีระยะเวลาการรอความชัดเจน อาจจะอยู่ที่ราว ๆ 2 สัปดาห์ หรือมากสุดไม่น่าเกิน 3 สัปดาห์จากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO
แม้จะมีข้อมูลออกมาจากบุคลากรในวงการแพทย์ทั้งในแอฟริกา สหรัฐฯ และยุโรป
ว่าสายพันธุ์โอไมครอน ไม่รุนแรง
ส่วนใหญ่ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ และจะติดเชื้อเพียงแค่ 2-3 วันแล้วก็หาย
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่รักษาตัวอยู่กับที่บ้าน และไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะอาการจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา
ทว่าเรื่องดังกล่าวนั้น ต่างต้องรอข้อมูลการยืนยันจาก WHO ก่อนว่า มันเบา หายได้เอง รักษาง่าย อย่างที่คุณหมอหลาย ๆ ท่านต่างออกมาบอกหรือไม่
มันจะมีการอาการแทรกซ้อน หรืออาการลบ ๆ อื่น ๆ ตามมาอีกหรือเปล่า
ในช่วงของการรอคอยแบบนี้แหละที่นักลงทุนทุกคนไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่
อะไรก็ตามที่ยังไม่มีความชัดเจน และเป็นปัจจัยกดดันไปแบบนี้ จะทำให้ตลาดหุ้น “ซึม” แกว่งตัวกรอบแคบ เล่นยาก
เว้นแต่จะเข้าไปเล่นหุ้นที่มีปัจจัยบวกแบบ “เฉพาะตัว” จริง ๆ
ในส่วนของประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของภาครัฐต่างค่อนข้างยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขของเรานั้น “รับมือได้”
รวมถึงนายกรัฐมนตรีเอง ยืนยันว่า เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องล็อกดาวน์แม้จะไม่มีการพูดถึงตรงนี้ว่าจะล็อกหรือไม่
เข้าใจว่า รัฐบาลจะต้องประเมินสถานการณ์กันแบบวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เช่น มีจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เพิ่มหรือไม่ หากเพิ่มขึ้น จะเพิ่มมากแค่ไหน
รวมถึงการฉีดวัคซีนสามารถรับมือกับโอไมครอนได้มากน้อยระดับใด
ดังนั้นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับคนวงการตลาดทุนคือ “การล็อกดาวน์”
ทว่าเรื่องดังกล่าว มีการนำไปเทียบกับกลุ่มประเทศยุโรปบางประเทศ รวมถึงอิสราเอลที่มีการล็อกดาวน์ และปิดประเทศว่า อาจจะเทียบกันไม่ได้
เพราะช่วงที่ประเทศเหล่านั้นใช้มาตรการไม้แข็ง ต่างยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับโอไมครอน
ทำให้ต้อง “ยกการ์ด” สูงกันไว้ก่อน
แต่เมื่อข้อมูลค่อย ๆ เริ่มชัดเจน
จึงมีบางประเทศที่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น หลังประกาศล็อกดาวน์ไปเพียงไม่กี่วัน
ส่วนไทยเอง มีการประเมินว่า รัฐบาลไม่น่าจะใช้การล็อกดาวน์เหมือนก่อนหน้านี้ แต่น่าจะใช้วิธีการคุมเป็นโซน ๆ ไป
ไม่ว่าจะล็อกดาวน์หรือไม่ล็อกดาวน์
แต่หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ก่อนหน้า ที่เพิ่งจะฟื้นตัวต่างร่วงกันไปก่อนแล้ว เช่น กลุ่มโรงแรม MINT CENTEL ERW ร้านอาหาร M ZEN และอีกหลายหลักทรัพย์
หุ้นเหล่านี้ต่างมีคำแนะนำให้เลี่ยงไปก่อน
เว้นแต่เป็นนักลงทุนระยะปานกลางถึงยาว อาจค่อย ๆ ทยอยสะสม หรือเข้าทีละไม้ได้
เพราะเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
หุ้นทั้งหมดนี้ต่างปรับตัวขึ้นแรงและเร็ว
ล่าสุด เจพีมอร์แกนฯ แนะนำว่า หุ้นเปิดเมืองน่าสนใจ และให้เริ่มทยอยเก็บ
กล้าในช่วงที่คนอื่นกลัว
ในวิกฤตนั้นย่อมมีโอกาส