SGP รุกคืบโรงแรม.?

ถ้าพูดถึงกลุ่ม “วีรบวรพงศ์” หลายคนจะนึกถึงสยามแก๊ส และยูนิคแก๊ส ซึ่งเป็นธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภคภายใต้ชื่อ SGP ตั้งแต่ปี 2551...


ถ้าพูดถึงกลุ่ม “วีรบวรพงศ์” หลายคนจะนึกถึงสยามแก๊ส และยูนิคแก๊ส ซึ่งเป็นธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ตั้งแต่ปี 2551…

แต่จริง ๆ แล้วยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ มหานาค, โครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ รังสิต, โครงการเมก้าพลาซ่า สะพานเหล็ก, ศูนย์การค้าเดอะพาลาเดียม, โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ และโรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ ซึ่งน้อยคนนักจะรู้…

ในส่วนของธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ก็ไปได้เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่จะไม่หวือหวา…ทำให้กลุ่ม “วีรบวรพงศ์” หันไปปลุกปั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ แทน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม..!!

ต้องยอมรับว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โควิดทุบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซะเละเทะ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมซบเซาหนัก จนหลายกิจการที่สายป่านไม่ยาวพอก็ต้องตัดใจประกาศขายโรงแรมกันจ้าละหวั่น แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นจังหวะของผู้ซื้อ กลุ่มทุนที่มีเงินทุนหนาได้ช้อปของดี…ราคาถูก แถมมีตัวให้เลือกเยอะเสียด้วยสิ…

ซึ่งกลุ่ม “วีรบวรพงศ์” ก็อาศัยจังหวะนี้ปรับโครงสร้างการลงทุน เพราะถ้าไปลงทุนช่วงที่การท่องเที่ยวพีก ๆ ต้นทุนคงสูง ก็อาศัยจังหวะที่การท่องเที่ยวซบเซาซื้อกิจการโรงแรม ก็จะได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าสถานการณ์ปกติ…

เห็นได้ชัดจากกรณีล่าสุดทุ่มงบ 925 ล้านบาท ซื้อโรงแรม 2 แห่ง ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จากบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ประกอบด้วย โรงแรมเรเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่ที่หาดละไม เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 531 ล้านบาท และโรงแรมไอบิส สมุย บ่อผุด ตั้งอยู่ที่หาดบ่อผุด เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 394 ล้านบาท

โดยซื้อในนามบริษัท อินฟีนิตี้ ฮอสพิแทลลิตี้ โฮลดิ้ง จํากัด และ บริษัท อินฟีนิตี้ นอร์ท สมุย จํากัด

ถ้าไปไล่ดูข้อมูลทั้งสองบริษัทจากกรมธุรกิจการค้า พบว่า เป็นบริษัทที่ตั้งมาใหม่เอี่ยมอ่อง ตั้งพร้อมกันเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยอินฟีนิตี้ ฮอสพิแทลลิตี้ โฮลดิ้ง แจ้งดำเนินธุรกิจโฮลดิ้งคอมปานี มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ส่วนอินฟีนิตี้ นอร์ท สมุย ดำเนินธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

โดยทั้งสองบริษัทมี “พัชราวดี วีรบวรพงศ์” ลูกสาวคนเล็ก และ “วัลลภ กมลวิศิษฎ์” เขยเล็กของ “เจ้าสัววรวิทย์ วีรบวรพงศ์” นั่งกรรมการ

เรียกว่าตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อการนี้เลยนะเนี่ย…

อ้อ…ถ้ามองในมุม ERW ก็จะได้เงินสดเข้ามาเติมสภาพคล่อง…ได้หายใจหายคอคล่องขึ้น เพราะถ้าไปดูในงบการเงิน ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2564 แม้มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 1,206 ล้านบาท ก็จริง…แต่ก็มีส่วนของหนี้สินระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีค่อนข้างสูงอยู่ที่ 963 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างตึงมือเหมือนกันนะ ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่ฉุดให้ธุรกิจโรงแรมอยู่ในอาการโคม่า…

กลับมาที่กลุ่ม “วีรบวรพงศ์”…ด้วยราคา 925 ล้านบาท แลกมากับโรงแรม 2 แห่งที่เกาะสมุย ต้องบอกว่าถูกและคุ้มค่ามาก ๆ เพราะถือเป็นแอสเซทที่ดี…

อย่าลืมว่า “เกาะสมุย” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีฐานะดี กระเป๋าหนัก…โอเค ช่วงนี้การท่องเที่ยวสมุย อาจซบเซา แต่ถ้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมา ตอนนั้นแหละจะเป็นช่วงกอบโกยของกลุ่ม “วีรบวรพงศ์”

ไม่แน่ต่อไปธุรกิจโรงแรมอาจเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างความมั่งคั่ง ให้กับกลุ่ม “วีรบวรพงศ์” เพิ่มมากขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็อาจจะนำเข้าจดทะเบียนก็ได้..!?

ใช่ป่ะคะ เจ้าสัววรวิทย์ ขาาา…

…อิ อิ อิ…

 

Back to top button