อย่าหงอ!

ตลาดหุ้นไทยทิ้งตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,616.51 จุดตั้งแต่ไก่โห่ เพราะอารมณ์ของผู้เล่นทุกกลุ่มต่างมองโลกในแง่ร้ายทั้งนั้น


*ในเมื่อโมเมนตัมของการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกยังกังวลกับการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตกใจที่เห็นตลาดหุ้นไทยทิ้งตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,616.51 จุดตั้งแต่ไก่โห่ เพราะอารมณ์ของผู้เล่นทุกกลุ่มต่างมองโลกในแง่ร้ายทั้งนั้น โดยหลงลืมไปว่า หลายประเทศสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับไวรัสมรณะได้แล้ว จึงไม่ควรหงอกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงนะจ๊ะ

*เนื่องจากทุกคนที่ “โมนิก้า” รู้จักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และกิจกรรมต่าง ๆ จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับตัวเลข “รายได้” และ “กำไร” อย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงพยายามให้แฟนคลับเข้าใจบริบทของการซื้อหุ้นเที่ยวนี้คือการตุนของ เพื่อเอาไปขายที่ราคาสูงกว่าในอนาคต จึงต้องหัดทำตัวเป็นชาวสวนในภาวะที่หลายคนกลัวผีตัวเดิมนะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,630.64 จุด และบวกไป 4.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.91 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นภาพที่ทำให้เดี๊ยนแฮปปี้มาก ๆ เพราะมันหมายถึงนักเล่นอ่านเกมหุ้นเที่ยวนี้ได้ทะลุปรุโปร่ง ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ตัวเองได้ซื้อหุ้นราคาถูก “โมนิก้า” ถึงย้ำเสมอมาว่า หากแฟนคลับเป็นนักเล่นที่มีเงินเย็นในกระเป๋า จังหวะนี้ย่อมเหมาะต่อการเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอย่างไม่ต้องสงสัยพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของหุ้นสุดเลิฟอย่าง EA ถือเป็นกิมมิคที่นักเล่นต้องอ่านเกมให้ขาดอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นออกหุ้นกู้แปลงสภาพกว่า 3 หมื่นล้าน พร้อมกับออกหุ้นเพิ่มทุนมารองรับราว 300 ล้านหุ้น (ภายใน 5 ปี) “โมนิก้า” ตีความได้ทันทีว่า ราคาแปลงสภาพจะอยู่ราว 120 บาท และยังเป็นการส่งสารให้รู้ว่า หุ้นตัวนี้เหมาะต่อการลงทุนระยะยาว เพราะมีบิ๊กโปรเจกต์ที่จะต่อยอดกำไรไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นเชื่อมโยงโดยตรงกับหุ้น NEX ซึ่งเป็นหุ้นที่ทำธุรกิจอีวีอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทิศทางของโลกใหม่กำลังเดินหน้าไปทางนี้เต็มตัว จึงกลายเป็นหุ้นที่นักเล่นซุ้มต่าง ๆ เข้ามาไล่ราคากันอย่างดุเดือด จนวานนี้ทะยานขึ้นมาทำ all time high อีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 17.80 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 7.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 639 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนมองเป็นการขึ้นที่มากเกินไปจริง ๆ แต่ในเมื่อคนเล่นอินกับกระแสสุด ๆ ก็ต้องปล่อยเขาไปเจ้าค่ะ

*อีกรายที่ต้องจับตาดูให้ดี ๆ คงโฟกัสไปที่หุ้น BYD ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่จะทำให้ห่วงโซ่ธุรกิจอีวีครบวงจร เพราะรายนี้จะทำหน้าที่ในการปล่อยสินเชื่อ และเดินรถประจำทาง จึงกลายเป็นส่วนเติมเต็มให้ทุกองคาพยพเติบโตไปพร้อมกัน วานนี้จึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 16.40 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 478 ล้านบาท ซึ่งเป็นการไล่ราคาดุเดือดเลือดพล่านอีกเช่นกัน..ส่วนตัวเลขจะมาตามนัดไหม? ต้องดูกันเอาเองจ้า!

*เรื่องข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องหันมามองหุ้นเถ้าแก่มั่ว TKN เพื่อชี้ให้เห็นการไล่ราคาขึ้นไปถึง 8.20 บาท แต่สุดท้ายโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ จนมาปิดที่ระดับ 7.55 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 865 ล้านบาท ก็เป็นเกมที่เชื่อกันว่า ยอดขายที่ประเทศจีนฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขกำไรในไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปีหน้าสวยขึ้นเป็นกอง กลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องตัดสินใจเองว่า เชื่อไหม?..อิอิอิ

*คล้ายกับกรณีของหุ้น BWG ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.28 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป 17.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 838 ล้านบาท ก็มีเสียงร่ำลือดังเซ็งแซ่หลายห้องว่า ปลายสัปดาห์หน้าจะปิดดีลใหญ่อย่างเป็นทางการ และทุกคนที่ได้ยินจะอ้าปากร้องคำว่า สุโก้ย! อย่างอื้ออึงนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมวัดใจที่ผู้เล่นต้องประเมินกันอีกเช่นกัน เพราะสิ่งที่เดี๊ยนได้ยินมาก็เกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่น่ะซี

*เช่นเดียวกับม้ามืดที่ทะยานอย่างร้อนแรงอย่าง FPI ก็มีประเด็นที่ขาลุยต้องประเมินกันว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 3.10 บาท บวกไป 0.66 บาท หรือขึ้นไป 27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 16 เท่า พร้อมด้วยตัวเลขกำไร 9 เดือนสุดบรรเจิด อาจตีความได้ว่า ไตรมาส 4 ก็น่าออกมาดี และราคาหุ้นก็น่าจะไปต่อกระมัง! จึงกลายเป็นหุ้นที่น่าจับตาสุด ๆ วันนี้ถึงต้องภาวนาให้หุ้นไปต่อ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นลากไปเชือดนะออเจ้า!

Back to top button