ลิสซิ่งถึงทางตัน?
สถานการณ์ของราคาหุ้นก็แย่ลงเหมือนที่เขาเม้าท์จริง ๆ เลยกลายเป็นประเด็นที่ต้องเม้าท์ เพื่อทำให้ทุกคนเห็นวงรอบหุ้นก็ดำดิ่งเป็นเวลานาน
*เดิมที “โมนิก้า” ต้องการเม้าท์ถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นหลัก แต่เผอิญพลายกระซิบดันอยากรู้สถานการณ์ของหุ้นลิสซิ่งขึ้นมาเสียก่อน จึงต้องยอมทำตามความต้องการของคนที่อยู่เบื้องหลัง เพราะสถานการณ์ของราคาหุ้นก็แย่ลงเหมือนที่เขาเม้าท์จริง ๆ เลยกลายเป็นประเด็นที่ต้องหยิบยกขึ้นมาเม้าท์ เพื่อทำให้ทุกคนเห็นวงรอบหุ้นก็ดำดิ่งเป็นเวลานานพะยะค่ะ
*ยิ่งมาเจอกับสถานการณ์โอมิครอนกระทบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับการลงทุนในตลาดหุ้นเต็ม ๆ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่วานนี้ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,622.25 จุด บวกไป 6.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.92 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นการบวกสวนข่าวร้ายที่ทำให้ทั่วโลกหวาดหวั่น จึงได้แต่ภาวนาว่า วันนี้จะยืนหยัดต้านแรงขายได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปอีกวันนะคะ
*ถึงกระนั้นก็ต้องเผื่อใจกับการทรุดตัวลงมายืนแถว 1,600 จุดเหมือนกัน เพราะเมื่อดูตัวแปรที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน ย่อมทำให้การเล่นหุ้นเที่ยวนี้ลำบากขึ้นเป็นกอง โดยเฉพาะพวกที่ถนัดเล่นเดย์เทรดต้องเพิ่มความไวขึ้นอีก เพราะตอนนี้ไทยกำลังปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินในกระเป๋าของคนที่อยู่ในแวดวงดังกล่าว และน่าจะกระทบชิ่งไปยังภาคธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วยนะนายจ๋า!
*ตัวอย่างที่เห็นได้ง่าย ๆ ก็คือ การแกว่งลงต่อเนื่องของหุ้น SAWAD นับตั้งแต่เดือน เม.ย. จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในอนาคตอันใกล้ น่าจะเป็นสัญญาณที่บอกให้ทุกคนได้รู้ว่า การยืนปิดที่ระดับ 59.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 212 ล้านบาท คือการเล่นหุ้นแบบถอยรับมากกว่าไล่ซื้อ และจะกดดันให้ราคาหุ้นไหลลงไปอีกเรื่อย ๆ (พีอี 16 เท่ายังไม่มีคนเล่นเลย) นะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่างหุ้น MTC ก็มีสภาพไม่ต่างจากรายข้างต้นสักเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ราคาหุ้นประคองตัวในกรอบ 55-65 บาทเป็นเวลาหลายเดือน “โมนิก้า” เลยกล้าฟันธงว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 57 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65 ล้านบาท ก็เป็นจุดที่บอกให้รู้ว่า กองทุนเลิกเล่นแล้วกระมัง! ราคาหุ้นถึงมีอาการซึมกระทือมาตั้งแต่เดือน เม.ย ส่งผลให้คนที่จะเล่นต้องคิดหนักเลยทีเดียวเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของหุ้น TIDLOR ก็เป็นอะไรที่เชียร์ไม่ขึ้นเลยผับผ่าซิ! แถมนับวันก็มีแต่ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” เลยไม่รู้ว่า หุ้นตัวนี้จะเอาอะไรมาขึ้นอีก เพราะคนที่ติดหุ้นก่อนหน้านี้ก็ขายขาดทุนกันเป็นแถว และไม่มีใครกลับมาเล่นอีกเลย หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นมานิดหนึ่งก็คือ ไม่มีแนวร่วม! เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาการยืนปิดที่ระดับ 36 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 233 ล้านบาท ทั้งที่สามเดือนที่ผ่านมาก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่แถวนี้..มันน่าเล่นจริงไหม?
*หนักสุดคงเป็นในรายของ NCAP ที่มีชื่อของนักเล่นที่เป็นก๊วนสีเทายัวเยี้ยเต็มไปหมด และในบรรดาหุ้นลิสซิ่งที่เอยถึงข้างต้น ก็ไม่มีหุ้นตัวไหนที่เทรดบน PE 30 เท่าเหมือนกับหุ้นตัวนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้คุณ ๆ ท่าน ๆ ประเมินการยืนปิดที่ระดับ 9.70 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24 ล้านบาท มันคือสภาพของหุ้นที่ขาดเจ้ามือเข้ามาช่วยปั่นกระแสหรือเปล่า?..ไม่เชื่อลองไปถาม “น้องสุ..” ดูซิคะ
*ส่วนรายที่ดีเป็นครั้งคราวอย่าง THANI ก็กลายเป็นหุ้นประเภท “ดาวรุ่งผีพุ่งไต้” ซึ่งชอบโชว์ฟอร์มอย่างร้อนแรง แต่สุดท้ายก็จากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเหตุการณ์ทำนองนี้ก็เกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจำ “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับไล่เรียงไทม์ไลน์ของหุ้นตัวนี้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่พุ่งแรง ต่อจากนั้นก็ไหลพรวด จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 4.38 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154 ล้านบาท โดยมีฐานเก่าอยู่ที่ 4 บาท น่าเล่นจริงเหรอตัวเอง!
*ตบท้ายขอนอกกระแสนิดหนึ่ง เพราะอยากเม้าท์ถึงหุ้นผีเจาะปากมาพูดอย่าง TKN เพื่อให้คนชอบเผือกรับรู้ข่าวมั่วที่เม้าท์กันเป็นตุเป็นตะให้แซ่ดว่า เที่ยวนี้จะงัดขึ้นไปที่ยอดเดิมบริเวณ 12 บาทเหมือนปีที่แล้ว แถมยังลือกันให้แซ่ดว่า ตัวเลขกำไรต่อจากนั้นจะสะท้านทรวง “โมนิก้า” เลยสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ในภาวะโควิดระบาดหนักไปทั่วทำได้จริงหรือ? และการที่หุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ 7.45 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 392 ล้านบาท มันทำให้เทียนดับโดยปริยายอะป่าว..อิอิอิ