เป้า 1,800 จุด
เชื่อว่ากำไรของตลาดหุ้นไทยจะโต 25% และจะเป็นแรงผลักดันให้วิ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,800 จุดเป็นอย่างต่ำ และหุ้นแกนหลักน่าจะมีการเข้ามาตะลุมบอน
*ในเมื่อบรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์สุดท้ายของปีเก่าคึกอย่างไม่น่าเชื่อ ย่อมเป็นบันไดที่ทำให้การลงทุนในปีนี้คึกตามไปด้วย เพราะเชื่อกันว่า กำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยจะโต 25% และจะเป็นแรงผลักดันให้ดัชนีวิ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,800 จุดเป็นอย่างต่ำ และหุ้นแกนหลักที่น่าจะมีการเข้ามาตะลุมบอน คงกระจุกตัวอยู่ในหุ้นเทคฯ หุ้นอีวี หุ้นทวงหนี้ และหุ้นสายเขียว ไงล่ะคะ
*ส่วนหุ้นแกนหลักตัวอื่นอย่าง แบงก์ ไฟแนนซ์ สื่อสาร พลังงาน และอสังหาฯ คงขึ้นตามวงรอบของเม็ดเงินที่เข้ามา และตัวที่เซฟสุดก็คงหนีไม่พ้นหุ้นไฟฟ้าอีกเช่นเคย เพราะเป็นกลุ่มหุ้นที่ทำกำไรเสมอต้นเสมอปลาย และยังมีโปรเจกต์ใหม่ที่จับต้องได้อีกด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับจัดพอร์ตให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะควรมีทั้งหุ้นปันผล หุ้นโตแรง และหุ้นเก็งกำไร หรือแม้กระทั่งหุ้นเทิร์นอะราวด์นะคะ
*นอกจากนี้ยังได้ข่าวแว่ว ๆ ว่า ปีนี้จะเห็นดีล M&A เกิดขึ้นอีกแบบนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่จะช่วยเพิ่มแวลูให้กับหุ้นตัวนั้น ๆ แม้ในระหว่างทางจะถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเพิ่มทุน และหนี้เงินกู้ที่จะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ในระยะยาวก็มีโอกาสรับรู้กำไรเพิ่มขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองสตอรี่ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ขาเผือกต้องตามดูให้ดี เพราะจะมีพวกขาใหญ่ “เข้ามาทุบ เข้ามาลาก” อย่างเมามันนะจะบอกให้
*วันนี้จึงต้องถามแฟนคลับว่า การยืนปิดของดัชนีในวันสิ้นปีที่ระดับ 1,657.62 จุด บวกไป 4.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.45 หมื่นล้านบาทเป็นระดับที่พอใจไหม? โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปีก่อนที่เริ่มสตาร์ทในระดับ 1,449.35 จุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่บอกให้รู้ว่า การลงทุนระยะยาวให้รีเทิร์นที่สวยหรูเสมอ! “โมนิก้า” จึงขอย้ำถึงหุ้นดาวเด่นที่น่าจะมาแรงในปี 65 อีกครั้ง เพื่อเป็นทางเลือกให้มิตรสหายนะจ๊ะ
*โดยเฉพาะในรายของหุ้น GULF ก็มีสตอรี่ที่ชวนให้ติดตามตลอดทั้งปี แถมเมื่อดูจากการอัพเป้าราคาทุกปี “โมนิก้า” ถึงเชื่อแบบสนิทใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 45.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.22 พันล้านบาท เป็นจุดที่ลงทุนได้สบาย ๆ ผสานกับหุ้นชอบทำ doble top ทีไร ต่อจากนั้นมักทำฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมเป็นประจำ จึงต้องเม้าท์ถึงเป็นรายแรกพะยะค่ะ
*อีกรายที่ขอเทใจให้เต็ม ๆ คงต้องมองไปที่หุ้นสุดเลิฟอย่าง EA เพราะทุกองคาพยพทางธุรกิจจะเปล่งแสงบรรเจิดเฉิดฉายอย่างเต็มที่ และการที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 96 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท โดยต้นปีก่อนยืนอยู่ที่ระดับ 50 บาท ย่อมเป็นการย้ำว่า ยาวไปแฮปปี้ทุกราย และถ้ามองในมุมของหุ้นกู้แปลงสภาพที่มีการประเมินราคาแปลงไว้ที่ 120 บาท ก็ยิ่งมั่นใจว่า หุ้นควรจะไปถึงตรงนั้นนะนายจ๋า!
*ส่วนตัวที่จะท็อปฟอร์มสุดในปีหน้าต้องยกให้กับกลุ่ม JMART ซึ่งมีทั้งหัวหมู่ทะลวงฟันอย่าง JMT SINGER J หรือแม้กระทั่งเหรียญอย่าง JFin Coin ล้วนอยู่ในโมเมนตัมของการเติบโตทั้งนั้น แถมเมื่อไล่ดูการปรับตัวของราคาทั้งกลุ่มตลอดปีที่ผ่านมา ยิ่งมั่นใจได้ว่า นี่คือผู้นำของโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง และที่สำคัญคือ ตอนนี้เนื้อหอมสุดๆ บรรดากองทุนตามขอซื้อบิ๊กล็อตแบบหัวกระไดไม่แห้งกันเลยทีเดียวเจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นขนาดเล็กที่กลับมาฉายแววโตต่ออีกปี “โมนิก้า” ขอเสนอให้แฟน ๆ จับตาดูหุ้น IMH ไว้ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะโมเมนตัมทางธุรกิจก็ยังล้อไปตามสถานการณ์ของโควิด เมื่อผนวกกับวันนี้หุ้นเทรดบนค่า PE 10 เท่า จึงส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 12.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68 ล้านบาท ค่อนข้างมีดาวน์ไซด์ต่ำ! เลยเป็นตัวเลือกที่เดี๊ยนสนใจมากเป็นพิเศษไงล่ะคะ
*นอกจากนี้ยังชื่นชอบหุ้น PSG ไม่แพ้กับรายข้างต้น เพราะเมื่อดูจากความใหญ่เบ้งของ “กลุ่มดาว” แถมมีธุรกิจที่ซับพอร์ตการโตมากมายอยู่ที่ฝั่งลาว “โมนิก้า” เลยไม่กังวลกับการแกว่งตัวไปมาของราคาหุ้นในช่วงหลัง ๆ เพราะทุกคนต้องการเห็นของจริงก่อน! ต่อจากนั้นถึงจะไล่ราคากันระเบิดเถิดเทิง เดี๊ยนจึงอยากให้คนที่เชื่อมั่นว่า ปีนี้กำไรจะมาตามนัด ลุยเข้าไปก่อนเลย เพราะในไม่ช้าคงต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่แน่นอน ..เชื่อสิ!