KAMART หันหน้าเข้าป่า.!?
อึ้งทีเดียว..! เมื่อจู่ ๆ KAMART ซึ่งทำธุรกิจเครื่องสำอางลุกขึ้นมาปลูกป่าและปลูกผลิตภัณฑ์การเกษตร และอนุรักษ์สัตว์น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ซะงั้น...
อึ้งกิมกี่กันทีเดียว..!! เมื่อจู่ ๆ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART ซึ่งทำธุรกิจเครื่องสำอางลุกขึ้นมาแหกกรอบธุรกิจเดิมจะไปทำธุรกิจปลูกป่าและปลูกผลิตภัณฑ์การเกษตร และอนุรักษ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ซะงั้น…
เรียกว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว..!!
ก็น่าแปลก KAMART คิดอะไรอยู่นะ..? ทำไมถึงกล้าแหกกรอบจากธุรกิจเดิมได้แบบ 360 องศาซะขนาดนี้..?
เพราะถ้าย้อนดูแบ็คกราวด์ของ KAMART เป็นหุ้นเครื่องสำอางที่ฮอตฮิตเคียงคู่มากับบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY โดย KAMART จะเน้นจับตลาดระดับกลาง-ล่าง กลุ่มคนทำงานและวัยรุ่น ซึ่งย้อนไปเมื่อ 4–5 ปีก่อนที่ตลาดเครื่องสำอางบูม แบรนด์ KAMART ก็ดังเปรี้ยงปร้าง…
ในแง่ของตัวหุ้น ถือเป็นขวัญใจรายย่อย ด้วยสภาพคล่องเยอะ บวกกับราคาไม่สูงจนเกินไป จึงมักถูกหยิบมาเก็งกำไรเป็นพัก ๆ ด้วยอาศัยสตอรี่ของธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังบูมสุด ๆ ขนาดที่ว่าแตะปุ๊บ…หุ้นวิ่งปุ๊บเลยทีเดียว
แต่หลังจากเข้าสู่ยุคปลาย ตลาดเครื่องสำอางมีการแข่งขันกันรุนแรง คนดังหันมาทำเครื่องสำอางแบรนด์ของตัวเองออกมาแข่ง ก็ทำให้แบรนด์ KAMART กระแสเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำยังถูกซ้ำเติมจากโควิดอีก ก็ทำให้หุ้น KAMART หายไปจากจอเรดาร์ของนักลงทุน…
โอเค…แม้ช่วงที่ผ่านมายังมีกำไร แต่ก็ลดลงฮวบฮาบ จากปี 2561 มีกำไรสุทธิ 360 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,519 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 23.78% ปี 2562 กำไรสุทธิลดลงเหลือ 261 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,525 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 17.28% และปี 2563 กำไรสุทธิเหลือแค่ 132 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,326 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 10.13 %
อ้อ…ที่เห็นงวด 9 เดือนแรกปี 2564 เหมือนจะดีขึ้น โชว์กำไรสุทธิ 231 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,107 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 20.88 % ก็ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานหรอกนะ แต่เกิดจากรายการพิเศษ อย่างในไตรมาส 3/2564 มีรายได้หนี้สูญได้รับคืนและเงินชดเชยผลขาดทุนได้รับคืนจำนวน 202.30 ล้านบาท
นั่นแปลว่า KAMART สถานการณ์ก็ยังย่ำแย่ต่อไป…
ทำให้ KAMART เปลี่ยนสถานะจากหุ้นดาวรุ่งมาเป็นดาวโรยไปโดยปริยาย…
แต่จุดที่น่าสนใจที่ทำให้ KAMART กลับมาเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง ก็เมื่อปลายปี 2564 แจ้งตั้งบริษัทย่อยที่ชื่อว่า บริษัท ป่า ดอนพุทรา จำกัด เพื่อทำธุรกิจการปลูกป่าและปลูกผลิตภัณฑ์การเกษตร และอนุรักษ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยมีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท KAMART ถือหุ้น 75% และบุคคลธรรมดาถือหุ้น 25%
แล้ว KAMART ก็ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัท ป่า ดอนพุทรา จำนวน 21 ล้านบาท โดยไม่มีหลักประกัน แถมคิดดอกเบี้ยถู๊กถูกที่ 2% ต่อปี
ไม่เท่านั้น ล่าสุด KAMART ได้ใส่เงินเพิ่มทุนให้กับบริษัท ป่า ดอนพุทรา อีกก้อน จนมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 260 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัท ป่า ดอนพุทรา ก็ไปซื้อที่ดิน 17 แปลง เนื้อที่ดินรวม 560 ไร่ 2 งาน 80.4 ตารางวา ที่ ต.ดอนพุทรา อ.ดอนตูม จ.นครปฐม มูลค่า 235.49 ล้านบาท
แต่ก็ถูกตั้งคำถามเยอะว่า บริษัท ป่า ดอนพุทรา จะไปทำอะไร..? เพราะตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ เพื่อขยายธุรกิจประเภทใหม่และเพื่อให้บริษัทมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ก็น่าคิดจะไปปลูกป่ายังไง..? จะไปทำอควาเรียมหรือเปล่า..? หรือจะไปปลูกข้าว ทำสวน ทำไร่ ทำนา..?
เอ๊ะ..!! หรือจะทำ CSR..? หรือทำธุรกิจโลกสวยกันนะ..?
เอาเป็นว่าจากธุรกิจเสริมความงามให้คน จะมาเสริมความงามให้กับป่า แล้วจะเสริมกำไรให้กับ KAMART ได้อย่างไร..? อันนี้ต้องติดตามกันต่อไป…
แต่ที่รู้ตอนนี้ KAMART กำลังจะเข้ารกเข้าพง…อุ๊ย หันหน้าเข้าป่าไปแล้วหรือเนี่ย..!?
…อิ อิ อิ..