RS ก้าวสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่

มีการวิเคราะห์กันว่า RS ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ผ่านมา โดยจะกลับมามีกำไรใน Q4/64 อย่างแข็งแกร่ง


คุณค่าบริษัท           

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ผ่านมา โดยจะกลับมามีกำไรในไตรมาส 4 ปี 2564 อย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ทางนักวิเคราะห์อย่าง บล.เคทีบีเอสที ประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 พลิกฟื้นเป็นกำไรจากช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ขาดทุน 3 แสนบาท โดยกำไรฟื้นตัวจากรายได้ฟื้นตัวในทุกธุรกิจ โดยรายได้ Commerce ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการบริโภคที่ฟื้นตัว และผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีเช่น pet food และ hemp seed oil

ขณะที่ด้านรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวจากไตรมาส 3 ปี 2564 จากการกระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายของกลุ่ม FMCG และกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มงบโฆษณาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อช่วง Motor Expo

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก GPM ของ Commerce และ Media ที่ขยายตัว และส่วนแบ่งกำไรจาก Chase ปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามทาง RS ก้าวสู่ดิจิทัลแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยหนุนวัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ โดยส่วนของ Popcoin จะเป็น utility token ที่มาช่วยเติมเต็ม ecosystem ของ RS ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นจากออนไลน์สู่ออฟไลน์,

ถัดมาช่วยเพิ่มรายได้ของ core business จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น สำหรับแบรนด์ สามารถใช้ Popcoin platform ในการทำการตลาดที่เป็น direct engagement กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย, สำหรับผู้บริโภค หากดูโฆษณา/คอนเทนต์ก็จะได้ Popcoin token เพื่อมาแลกสินค้า หรือบริการต่าง ๆ, สำหรับ Influencers/Content creators ทาง RS มีแผนสร้าง influencers เพื่อทำการตลาดให้แบรนด์ต่าง ๆ และเป็นช่องทางขยายฐานผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย ช่วยสร้างรายได้ให้ Influencers/Content creators และได้รับค่าธรรมเนียมในการเทรด

นอกจากนี้ RS ตั้งเป้ารายได้จากผลิตภัณฑ์กัญชงในปี 2565 อยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์แรกคือ มัลติ ออยล์ พลัส น้ำมันเมล็ดกัญชง ภายใต้แบรนด์ well u เริ่มวางจำหน่าย 7 ธ.ค. 2564 และยังมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ผสมสาร CBD ในกลุ่มอาหารเสริม และ functional drink ในปี 2565 จากข้อมูล Euromonitor คาดมูลค่าตลาดกัญชงไทยอยู่ที่ 15,800 ล้านบาท (หรือปี 2564-2568 เฉลี่ยที่ 126%) โดยกลุ่ม Food & Beverage ยังคงเป็นกลุ่มหลักมูลค่าตลาดที่ 13,200 ล้านบาท (มีสัดส่วนที่ 84% ของมูลค่าตลาดกัญชง)

อีกทั้งมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่ง RS มีข้อได้เปรียบกว่าคู่แข่งคือ 1) supply chain ที่แข็งแกร่ง คือมี Specialty Group (บริษัทย่อย) ประกอบธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ และมีช่องทางการจัดจำหน่ายเอง และมีฐานลูกค้าในมือกว่า 1.6 ล้านราย

ทั้งนี้คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 225 ล้านบาท (ลดลง 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) และปี 2565 อยู่ที่ 576 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 156% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) เป็นปีที่ฟื้นตัวแบบ V-shaped recovery หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจากรายได้ที่ขยายตัวในทุกธุรกิจ, 2) อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว และ 3) รับรู้ equity income จาก Chase และ SPG เต็มปี (เพิ่มขึ้น 139% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้รวมรายได้จากธุรกิจกัญชง-กัญชา และ Popcoin Smart Marketing Platform ในประมาณการ

ดังนั้นปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 24.00 บาท

….

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ 224,000,000 หุ้น 23.03%
  2. นายโสรัตน์ วณิชวรากิจ 98,000,000 หุ้น 10.08%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 76,373,931 หุ้น 7.85%
  4. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 50,331,900 หุ้น 5.18%
  5. น.ส.อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา 47,500,000 หุ้น 4.88%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริษัท, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการผู้จัดการ
  2. นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล กรรมการ
  3. นายดนัยศิษฏ์ เปสลาพันธ์ กรรมการ
  4. นายโสรัตน์ วณิชวรากิจ กรรมการ
  5. นายวิทวัส เวชชบุษกร กรรมการ

 

Back to top button