พาราสาวะถี
บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าแค้นฝังหุ่นระหว่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่มีทางที่จะจบลงเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเป็นอันขาด
บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าแค้นฝังหุ่นระหว่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่มีทางที่จะจบลงเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเป็นอันขาด และยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าภาพจี๋จ๋าของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์นั้น มันแค่ลดกระแสข่าวความขัดแย้งบาดหมางที่มีต่อกันเท่านั้น แท้ที่จริงหลังจากยึดอำนาจและผ่านขบวนการสืบทอดอำนาจมาแล้ว แนวคิดทางการเมืองระหว่างพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับน้องรักทั้งสองคนนั้น นับวันยิ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หรือจะเรียกว่าอำนาจทำให้คนเปลี่ยนก็คงจะไม่ผิดนัก จากน้องรักที่เคยเชื่อฟังและทำตามสิ่งที่พี่ใหญ่ชี้แนะแทบจะทุกเรื่อง หลังการเลือกตั้งสืบทอดอำนาจสำเร็จ น้องเล็กแก๊ง 3 ป.เปลี่ยนไป ริบอำนาจที่เคยให้พี่ในฐานะฝ่ายบริหารไปหมดเกลี้ยง เหลือเพียงงานรองนายกรัฐมนตรีแบบดาด ๆ ข้ออ้างที่ว่าเพื่อจะได้มีเวลาไปบริหารจัดการงานการเมืองภายในพรรคดูจะเป็นเหตุผลอันคลาสสิก แต่แท้จริงแล้วมันคือต้นตอของความหมางใจที่รอวันปะทุเท่านั้น
จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ธรรมนัสเล่นบทโหดถึงขั้นจะพลิกเกมโหวตคว่ำผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านหนที่ผ่านมา ยิ่งเป็นการตอกย้ำความไม่พอใจที่สะสมมาเป็นเวลานาน ยิ่งไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ภายในพรรคสืบทอดอำนาจและพี่ใหญ่เลือกที่จะไว้วางใจคนที่เป็นหอกข้างแคร่ของน้องเล็กต่อไป ขณะที่น้องเล็กก็ปลดสองรัฐมนตรีเด็กในคาถาของพี่ใหญ่ ทุกอย่างมันจึงยากที่จะประสานรอยร้าวกันได้อีกต่อไป
ไม่ต่างกัน ขณะที่พี่ใหญ่มีคนที่วางใจ น้องเล็กก็มีรัฐมนตรีประเภทใจถึงพึ่งได้เป็นตัวแทนเคลื่อนไหวสร้างแรงกระเพื่อมภายในพรรคเหมือนกัน ตั้งแต่คราวเรียก 6 รัฐมนตรีเข้าพบกับการจู่โจมขอเปลี่ยนโครงสร้างพรรคโดยมีเป้าที่จะขับธรรมนัสพ้นเก้าอี้แม่บ้านของพรรค แต่สุดท้ายก็ฝ่าด่านพี่ใหญ่ไม่ได้ ทุกอย่างจึงสงบลงชั่วคราว พลันที่ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา จบลงที่ชัยชนะของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ สายตรงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็เขย่าพรรคทันที
ประเด็นโพสต์ผ่านไลน์กลุ่มทีมโฆษกวิปที่มีสมาชิกแค่ 8 คนของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน เสนอให้ทำผลและตั้งคำถามแบบตรงไปตรงมาว่า ที่พรรคไม่ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือคะแนนนิยมของพรรคสืบทอดอำนาจตกต่ำนั้นเป็นเพราะมีธรรมนัสเป็นเลขาธิการพรรค หรือคนไม่ยอมรับธรรมนัสใช่หรือไม่ ซัดกันแบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องอธิบาย แบบชั้นเดียวเชิงเดียวก็คือเอาใจผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเต็มที่ในฐานะรัฐมนตรีสายตรง
หากมองให้มากไปกว่านั้น การแสดงออกเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเอาใจ แต่ยังเป็นการรีบออกมาปกป้องผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด้วยว่า ความพ่ายแพ้ที่เกิดในพื้นที่สองจังหวัดภาคใต้ ไม่ใช่เพราะคะแนนนิยมในตัวท่านผู้นำหดหายแต่เป็นเรื่องของภายในพรรค และการพุ่งเป้าไปยังตัวธรรมนัสก็ชัดเจนว่าเป็นการกระแทกหมัดเข้าใบหน้าของบุคคลที่ท่านผู้นำไม่ชอบขี้หน้า ทว่าท่วงทำนองเช่นนี้ก็เป็นเหมือนการไม่ไว้หน้าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เช่นเดียวกัน
แม้จะมีการออกมายืดอกยอมรับเป็นคนโพสต์ในกลุ่มไลน์ดังว่าจริง ก่อนที่จะตั้งคำถามกับคนที่แคปเจอร์ข้อความไปส่ง หวังผลอะไร พร้อมตบท้ายว่าคนทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นใหญ่ รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมุ่งหวังอะไร ที่แน่ ๆ ความเป็นลูกผู้ชายแทบไม่มีในตัวเอง เหมือนตั้งใจ จงใจทำลาย ให้พรรคมีภาพลักษณ์ที่แตกร้าวลงไปกว่าเดิม ก็รู้กันอยู่ว่าสัญญาณที่ส่งไปเช่นนี้หมายถึงใคร ไม่ได้เป็นการยอมรับผิดแต่เป็นการหาตัวคนมารับผิดชอบต่อปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค
ถือเป็นภาวะที่นำมาซึ่งความอึดอัดใจอย่างหนักของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.อีกกระทอก วาทกรรมที่เคยบอกว่ามีแต่ความตายเท่านั้นที่จะมาพรากความรักระหว่างพี่น้องทั้งสามคนได้ สถานการณ์เช่นนี้จะเป็นบทพิสูจน์ เพราะการที่คนใกล้ชิดของน้องเล็กเดินเกมเดินหน้าท้าชนกับสายตรงของตัวเอง ก็เท่ากับเป็นการประกาศศึกกับพี่ใหญ่โดยตรง เหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติ เหมือนเป็นการประกาศชัดว่าพรรคสืบทอดอำนาจถ้าไม่ปรับ ไม่เปลี่ยน การเลือกตั้งครั้งหน้าเหนื่อยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภายในพรรคสืบทอดอำนาจนั้นส่วนใหญ่ยังคงเหนียวแน่นกับหัวหน้าและแม่บ้านพรรค เนื่องจากใจถึงพึ่งได้ ผิดกับอีกฝ่ายแม้จะมีความเป็นนักเลง ปากกล้าท้าชนเพื่อปกป้องผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแบบถวายชีวิต แต่การเลี้ยงดูปูเสื่อ ดูแลคุณภาพชีวิตให้กับนักเลือกตั้งยังห่างชั้นกับอดีตรัฐมนตรีมันคือแป้งและพี่ใหญ่ของแก๊ง 3 ป.หลายขุม ยิ่งเวลานี้มีการเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทยของแก๊ง 4 กุมารด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการเปิดทางเลือกของสมาชิกพรรคที่อึดอัดกับบรรยากาศอึมครึมเข้าไปอีก
จะเห็นจากการไขก๊อกของ 2 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไปเข้าร่วมกับพรรคเกิดใหม่ภายใต้การนำของ อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หลังจากนี้ยังจะมีอีกจำนวนหนึ่งที่ตั้งท่าว่าจะไหลตามไป จุดนี้ก็เป็นโอกาสของนักเลือกตั้งอาชีพอีกเช่นกันที่จะโก่งราคาหรือเคาะกะลาเพื่อให้เกิดการต่อรอง บอกไว้ตั้งแต่เริ่มคิดที่จะอยู่ยาวแล้วว่า ต้นทุนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นนับวันมีแต่จะสูงขึ้น ราคาที่จะต้องจ่ายเมื่อเทียบกับยุคที่ถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั้นต่างกันลิบลับ
ขณะเดียวกันน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อคำประกาศของสนธิรัตน์ที่ว่า จะไม่เสนอชื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตของพรรค ไม่ใช่เพราะจะเป็นตัวฉุดคะแนนนิยมของพรรค หากแต่เป็นการยืนยันว่าการได้ร่วมงานกันที่ผ่านมานั้นคนที่เป็นผู้นำมีฝีมือหรือไม่ ตอกย้ำด้วยการประกาศจุดยืนของพรรคสร้างอนาคตไทยว่า จะสรรหานายกฯ ที่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ เป็นที่ยอมรับของผู้คน และสามารถนำพาประเทศไทยให้แข่งขันกับนานาประเทศได้ หรือนี่เป็นสัญญาณอีกด้านว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะไม่ไปต่ออีกแล้ว