พาราสาวะถี
มาแผนเหนือเมฆแต่ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ขณะเดียวกันเมื่อมีเวลาตรวจสอบตรวจทานความเคลื่อนไหวก่อนที่พรรคสืบทอดอำนาจจะมีมติขับ ธรรมนัส พรหมเผ่า
มาแผนเหนือเมฆแต่ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ขณะเดียวกันเมื่อมีเวลาตรวจสอบตรวจทานความเคลื่อนไหวก่อนที่พรรคสืบทอดอำนาจจะมีมติขับ ธรรมนัส พรหมเผ่า กับส.ส.อีก 20 คนพ้นพรรค ก็จะพบว่าเป็นความจงใจ แม้ตามรายงานข่าวจากที่ประชุม พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.จะขึงขังโพล่งกลางวงลงมติว่า “มันจะออกก็ออก ๆ ไป พรรคจะได้สงบ” ก็อาจไม่ได้หมายความตามนั้น เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเพื่อให้ทุกอย่างจบ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง
เกมนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เมื่อมองช็อตต่อไปที่ว่าแล้วธรรมนัสพร้อม 20 ส.ส.จะไปหาพรรคไหนสังกัดภายใน 30 วัน ทันทีทันควันคือ พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อม ๆ กับการปรากฏชื่อหัวหน้าพรรค “บิ๊กน้อย” พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ซี้ย่ำปึ้กของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. รวมไปถึงชื่อของ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจ จะไปนั่งเป็นที่ปรึกษาพรรคด้วย
แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นการจากกันแบบแตกหัก ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ หรือผ่านกระบวนการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มิหนำซ้ำ ตลอดทั้งวันก่อนที่พรรคสืบทอดอำนาจจะมีมติขับธรรมนัสพร้อมพวกนั้น ก็พบความเคลื่อนไหวของเด็กในคาถาอดีตรัฐมนตรีมันคือแป้งกันอย่างคึกคัก ประมาณว่าไม่ยี่หระต่อผลที่จะตามมา จนถูกมองกันว่าความจริงแล้วเรื่องการถูกขับให้พ้นพรรคนั้นไม่ใช่ความประสงค์ของกรรมการบริหารพรรคหรือคนที่มีความขัดแย้งกับธรรมนัสเสียด้วยซ้ำไป
เข้าใจกันได้อยู่ไปก็อึดอัด การหวังจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีอีกรอบโดยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ไว้วางใจไปแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็จะสร้างความลำบากใจให้กับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. และเจ้าตัวก็จะถูกมองจากน้องรักทั้งสองคนอีกต่างหากว่าอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวของธรรมนัส ดังนั้นการเลือกที่จะเป็นฝ่ายไป โดยยังมีมือไม้ของส.ส.ตามไปในจำนวนที่มีความหมายทางการเมือง ย่อมเป็นการสร้างความแข็งแกร่งในการต่อรองให้กับธรรมนัสมากเข้าไปอีก
ทุกเรื่องที่รัฐบาลหากต้องการจะไปต่อย่อมมีต้นทุนที่จะต้องจ่าย ตรงนี้พี่ใหญ่ก็ไม่ต้องมาแบกรับแรงกดดันจากน้องเล็กของแก๊ง 3 ป.อีกแล้วว่า หนุนหลังให้เด็กในคาถามาหาผลประโยชน์จากตัวเอง เป็นไปตามสูตรเมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการขับธรรมนัสเป็นเรื่องของพรรคล้วน ๆ มันจะไปเกี่ยวได้อย่างไรในเมื่อสายตรงของตัวเองยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงขนาดที่สองรัฐมนตรีข้างกายงดออกเสียงโหวตเลยทีเดียว แม้จะอ้างว่ากลัวจะมีปัญหาข้อกฎหมายในอนาคตก็ตาม
ส่วนการการันตีที่ว่าไม่ได้คิดจะปรับครม.หรือยุบสภา ก็เป็นคำพูดโดยหลักการเท่านั้น ต้องอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่สถานการณ์ทางการเมืองภายในพรรคแกนนำรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนอาจส่งผลให้การยืนระยะครบวาระของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐบาลเรือเหล็กไม่เป็นไปตามความต้องการ หากแต่ประเด็นรัฐธรรมนูญห้ามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ ก็เป็นตัวชี้วัดสำคัญประการหนึ่ง
การแสดงออกของ วิษณุ เครืองาม ไม่ว่าจะเป็นเซียนเหยียบเมฆขนาดไหน ก็ไม่อาจปกปิดความยากลำบากใจต่อเรื่องนี้ได้ การใช้สำบัดสำนวนเพื่อหลอกล่อนักข่าวเมื่อยามตอบคำถามต่อประเด็นนี้เป็นเพียงลีลาที่คุ้นชินเท่านั้น เพราะความเป็นจริงกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้นั้น หากมีการเล่นแร่แปรธาตุมันจะกระทบความมั่นคงทางการเมืองทั้งระบบ สิ่งสำคัญคือองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตีความไม่อาจจะแบกรับแรงกดดันหากต้องหาทางพลิกแพลงในเรื่องนี้ได้
จึงไม่แปลกต่อการส่งสัญญาณเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ตามคำพูดของวิษณุ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าประเด็นที่ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะยุบสภาหรือไม่ คือการเดินต่อไปบนถนนสายการเมืองของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. ยังจะทำหน้าที่กุมบังเหียนพรรคสืบทอดอำนาจต่อไปอย่างนั้นหรือ ในเมื่อมือขวาที่ไว้ใจได้ไม่อยู่แล้ว ใครจะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ และถ้าเป็นคนของน้องรักส่งมามันจะไว้ใจกันได้อย่างนั้นหรือ
ไม่มีทางที่พรรคจะสงบเรียบร้อยตามที่ ไพบูลย์ นิติตะวัน แถลงถึงเหตุผลในการขับธรรมนัสพ้นพรรค เพราะขึ้นชื่อว่านักเลือกตั้งมืออาชีพย่อมมองไปถึงผลประโยชน์ทางการเมืองที่ต้องได้รับ ยิ่งคนเหลือน้อยและมีความจำเป็นต้องอาศัยมือสนับสนุน ทุกอย่างมันคือสิ่งที่จะต้องจ่าย แล้วพี่ใหญ่แม้จะใจกว้างขนาดไหน แต่เมื่อไร้มือไม้ที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระแล้ว จะแบกรับภาระไหวหรือไม่ การรักและดูแลกันไปจนกว่าจะตายจากกันมันหมายถึงความสัมพันธ์ทางใจ ไม่ใช่ภาระด้านวัตถุที่จะต้องเป็นคนหาและออกหน้าทั้งหมด
ความเห็นของ ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. เมื่อคราวดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ยุครัฐบาลคสช. น่าจะใกล้เคียงหรือตรงกับความเป็นจริงที่สุด พี่ใหญ่คงไม่แบกเสลี่ยงให้ท่านขุนนั่งกระดิกเท้าอีกต่อไป กรรมการบริหารและส.ส.ที่เหลือน่าจะมีอีกจำนวนหนึ่งที่เดินแนวทางเดียวกันกับธรรมนัส จะมีใครบ้างต้องดูกันต่อไป นั่นหมายความว่า เสถียรภาพของรัฐบาลจึงเปราะบางอย่างยิ่ง ทุกพรรคการเมืองคงต้องเตรียมเข้าสู่โหมดเตรียมการเลือกตั้งกันได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่มองกันไว้อีกด้านต่อการที่กลุ่มธรรมนัสพ้นไปจากพรรคสืบทอดอำนาจ จะส่งผลต่อการทำกฎหมายลูกที่จะใช้ประกอบรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งหรือไม่ กรณีนี้คงไม่ต้องห่วง เมื่อรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ใช้บัตร 2 ใบในการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับแล้ว แม้กฎหมายลูกจะไม่แล้วเสร็จ หากเกิดการยุบสภา กกต.ก็มีอำนาจออกระเบียบเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น การเมืองว่าด้วยเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ การลงมติในสภากับกฎหมายสำคัญ ๆ จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง มองมุมไหนก็เห็นแววว่ารัฐบาลเรือเหล็กที่สนิมเกิดแต่เนื้อในตนไม่น่าจะยืนได้ครบยก