ติดตามการประชุม FEDSET สัปดาห์หน้าฟื้นตัว
ตัวเลขศก.ที่สำคัญของจีน-ยูโรโซนยังอ่อนแอ อาจเป็นปัจจัยเชิงบวกให้ธนาคารกลางต่างๆ ออกมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม จับตาเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ปัจจัยในประเทศ ติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมถึงความคืบหน้าโครงการต่างๆ สัปดาห์ที่ผ่านมากรมทางหลวงอนุมัติ TOR มอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุด 5 สัญญา คาดเป็นแรงผลักดัน SET ฟื้นตัว แนวต้าน 1,429/1,442 จุด แนวรับ 1,410/1,403 จุด
Technical Weekly: by Capital Nomura Securities (Thailand)
สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงิน Dollar แข็งค่าขึ้นกลับมากดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิเช่น ราค้านำมันดิบสหรัฐปรับฐานลงราว 4% จำกัดการขยับขึ้นของตลาดหุ้น รวมถึงดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทั้งจีน (ไตรมาส 3/58 GDP, ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม) และ ยูโรโซน (เงินเฟ้อเดือน ก.ย.) ที่อ่อนแอลง บ่งชี้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังน่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม คาดจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวดังกล่าว อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยสำหรับสัปดาห์นี้ 30 ต.ค. ติดตามการประชุม BOJ มีโอกาสที่จะขยายวงเงินการเข้าซื้อ สินทรัพย์เพิ่มเติมสู่ระดับ 90 ล้านล้านเยนต่อปี จาก 80 ล้านล้านเยนต่อปี เพื่อหนุนเศรษฐกิจที่ยังฟื้นต่ำคาด รวมถึงจับตาการประชุม FOMC Meeting 27-28 ต.ค. (รู้ผลเช้า 29 ต.ค. ตามเวลาไทย) โดยรอบนี้ consensus ให้โอกาสเพียง 6% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะที่ น้ำหนักส่วนใหญ่กว่า 55.9% คาดวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐจะเริ่มในช่วง มี.ค. 2559 ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของฝ่ายวิจัยที่คาดในช่วง มี.ค. 2559 เช่นเดียวกัน ดังนั้นจะช่วยหนุนให้ทิศทาง Fund Flow ยังคงไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์เอเชียต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยในประเทศ ติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐฯ รวมถึงความคืบหน้าโครงการภาครัฐต่างๆ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้อนุมัติ TOR มอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุดอีก 5 สัญญากว่า 4 พันล้านบาท เป็นแรงผลักดัน SET ฟื้นตัวในกรอบแนวต้าน 1,429/1,442 จุด แนวรับ 1,410/1,403 จุด นอกจากนี้ยังคงแนะติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Real Sector หลังจากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่ม BANK รายงานเสร็จสิ้นแล้ว โดยพบว่า ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 10 แห่งมีกำไรสุทธิรวม 4.44 หมื่นล้านบาท หดตัว 12.9% จากไตรมาสก่อน และลดลง 17.1%จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ หากพิจารณาเป็นรายธนาคารจะเห็นได้ว่าธนาคารทั้งหมด 10 แห่ง มี 6 แห่งออกมาดีกว่าคาด (TISCO, LHBANK, TMB, KKP, BBL และ BAY) ส่วนอีก 3 แห่ง สอดคล้องกับตลาดคาด (TCAP, KBANK และ KTB) ขณะที่มีเพียงแห่งเดียว (SCB) ที่กำไรต่ำกว่าคาด ดังนั้นถือว่าภาพรวมกำไรกลุ่ม BANK ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ตลาดกังวลไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อาจจะสะท้อนสัญญาณการปรับลดประมาณการกำไรตลาดต่อเนื่องกว่า 2 ปี ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งถือเป็นภาพบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงถัดไป