แมงเม่าโดนอีกแล้ว โมนิก้าและทีมงาน
*กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักหน่วง และทำท่าจะบานปลายไปถึงคนทำหน้าที่คอยกำกับ เมื่อหน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. กับ ตลท. ปล่อยให้มีดีลประหลาดๆ เกิดขึ้นอย่างทนโท่ จนแมงเม่าเปรียบเปรยไปถึงขั้นที่ว่า ปล่อยให้มีการข่มขืนแมงเม่าเกิดขึ้น แล้วไปโทษแมงเม่าที่โดนข่มขืนว่า ทำตัวแบบนี้..ถึงได้โดน! เดี๊ยนคิดว่า ตรรกะตรงนี้มันผิดเพี้ยนไปหน่อยไหมค่ะ
*กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักหน่วง และทำท่าจะบานปลายไปถึงคนทำหน้าที่คอยกำกับ เมื่อหน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. กับ ตลท. ปล่อยให้มีดีลประหลาดๆ เกิดขึ้นอย่างทนโท่ จนแมงเม่าเปรียบเปรยไปถึงขั้นที่ว่า ปล่อยให้มีการข่มขืนแมงเม่าเกิดขึ้น แล้วไปโทษแมงเม่าที่โดนข่มขืนว่า ทำตัวแบบนี้..ถึงได้โดน! เดี๊ยนคิดว่า ตรรกะตรงนี้มันผิดเพี้ยนไปหน่อยไหมค่ะ
*เนื่องจากสิ่งที่หน่วยงานทั้ง 2 แห่งควรรีบดำเนินการนั้น น่าจะเป็นการปกป้องสิทธิ และเสรีภาพของการรับรู้ข้อมูลแมงเม่าตาดำๆ(มักอ้างว่า ไม่อ่านหนังสือชี้ชวนเอง) บวกกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาให้เห็นทีละช็อตของหุ้น ORIมันเหมือนเป็นการเอื้อกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการกดหุ้นลงมาต่ำๆ(ก็อ้างว่า กลไกตลาด) ต่อจากนั้นปล่อยให้ขาใหญ่เข้ามากว้านซื้อหุ้นในท้องตลาด(ก็อ้างว่า พื้นฐานบริษัทดี) เดี๊ยนถึงมองว่า เรื่องนี้ไม่แฟร์อะป่าว?
*ยิ่งมาเห็น “นางอารดา จรูญเอก” ซึ่งเป็น กรรมการ ควบตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยจำนวน 30 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 5 รวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท พร้อมกับแจงข้อมูลออกมาถี่ยิบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง และอำนาจการบริหารงานนั้น มันก็แน่อยู่แล้วแหละตัวเอง!
*เนื่องจากก่อนหน้านี้ คุณเธอ กับ คุณสามี ถือหุ้นรวมกัน 70%คุณเธอขายออกมาเพียงเท่านี้ ก็คงไม่กระทบกระเทือนเหมือนอย่างที่ป่าวประกาศจริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนไปพร้อมกับแมงเม่าอยู่ที่ประเด็นการขายหุ้นเที่ยวนี้เป็นการอาศัยช่องโหว่ของกฎระเบียบ พร้อมกับหมกเม็ดเรื่องดังกล่าวได้อย่างแนบเนียน(อันนี้ต้องยกให้ความยอดเยี่ยมของ เฮียแมนพงษ์)นะจะบอกให้
*ไหนๆ แมงเม่าพลาดท่าเสียรู้กันเยอะแยะ “โมนิก้า” เลยขอจัดเต็มข้อมูลที่ควรรู้กันเลยดีกว่า โดยเรื่องดังกล่าวเป็นข้อบังคับไซเลนต์พีเรียด ซึ่งเปิดช่องให้คู่ผัวตัวเมียขายหุ้นในส่วนที่เกิน 55%และรายละเอียดในส่วนนี้ก็ปรากฏอยู่ในหนังสือชี้ชวน เพียงแต่ไม่มีใครยอมปริปากในประเด็นดังกล่าวให้สังคมได้รับรู้ “โมนิก้า” จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการเทขายหุ้นในส่วนที่เหลือออกมาอีกไงล่ะค่ะ
*งานนี้จริงเท็จอย่างไรเดี๊ยนไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งที่รู้ ณ เวลานี้คือ หุ้นตัวนี้มีกลุ่มขาใหญ่ชุมนุมกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยน. และ เสี่ยป. แถมมีบิ๊กล็อตเที่ยวล่าสุดออกมาอีก พร้อมกับมีข่าวลือในหมู่นักโหนกระแสว่า การขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้ต้องระวังให้ดีเป็นพิเศษ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 13.90 บาท หลังจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายปิดที่ 13.30บาท บวกไป 0.10 บาท มันคืออะไรลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ
*อีกหนึ่งรายที่ต้องเฝ้ามองดูให้ดี คงหนีไม่พ้นดีลของ EFORLซึ่งทำการขายหุ้นวุฒิศักดิ์ออกมาส่วนหนึ่ง แล้วบันทึกกำไรกลับไปประมาณ 500 ล้านบาท ต่อจากนั้นนำเงินกลับไปเพิ่มทุนให้กับวุฒิศักดิ์อีก 800 ล้านบาท พร้อมกับวางแผนดันเข้าตลาดหุ้นในปี 59 “โมนิก้า” ถือเป็นดีลที่พรายกระซิบแนะนำให้นักเล่นพิจารณาให้ดีว่า ทำไมต้องทำให้ซับซ้อน และคนที่จะได้ประโยชน์จากตรงนี้เป็นใครกันแน่เจ้าค่ะ
*เนื่องจากผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นเม้าท์กันให้กระฉ่อนว่า ถ้าดีลมันดันจริงๆ หุ้นควรจะเด้งรับข่าวอย่างร้อนแรง ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นปิดที่ 1.14บาท บวกไป 0.01 บาท ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท มันเกิดจากความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างหรือเปล่า? พร้อมกันนั้นยังมีการนินทาไปถึงขั้นที่ว่า ปีหน้าจะดันเข้าตลาดหุ้นได้จริงไหม? เหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้รู้ต้องออกมาตอบชาวหุ้นกันเอาเองนะคะ
*เช่นเดียวกับที่แมงลือเม้าท์ถึงหุ้น Sพร้อมกับป้องปากซุบซิบนินทากันอย่างเมามันว่า โครงการที่ลงทุนในอังกฤษมันคุ้มค่าจริงไหม? เพราะก่อนจะมาถึงมือเจ้านี้ เคยมีการทาบทามบริษัทจดทะเบียนไทยมาแล้ว 2 รายด้วยกัน ซึ่งตอนแรกก็คิดกันว่า น่าจะไปได้ดี พอเข้าไปดูเนื้อในก็ส่ายหน้าหนีไปเลย ส่วนรายหลังที่เข้ามาดู ก็ติดขัดตรงเรื่องเงินลงทุนที่เว่อร์เกินไป ดีลเลยมาจบตรงที่เจ้านี้! น่าแปลกตรงที่ราคาหุ้นกลับไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 7.30บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 9% มันเป็นภาพที่มีความขัดแย้งอยู่ในตัวเจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นตัวประหลาดอย่าง PRAKITร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่หน้าขึ้นมาให้เห็น จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 16.20บาท บวกไป 3.70บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่า 230 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่แมงเม่ามีสิทธิ์โดนลากไปเชือดค่อนข้างสูง เพราะเมื่อมองจากไซเคิลของหุ้นในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา มักเล่นเกมโหดเป็นประจำแบบนี้ หากออกของไม่ทัน เจ็บตัวแน่นอนพะยะค่ะ
*ในเมื่อกระแสการเล่นเก็งกำไรแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวเป็นทางเลือกที่ดีในยามนี้ DAIIจึงกลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนรายใหญ่แวะเวียนมาเป็นเจ้าภาพอยู่เนืองๆ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.05 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 712 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่แมงเม่าตามกันเป็นพรวน บางส่วนเข้ามาเคาะ 2-3 ช่องแล้วออกของ บางส่วนเคาะแล้วออกไม่ทันก็มี..งานนี้บอกได้แค่ ตาดีได้ ตาร้ายเสียนะคะ
*ป.ล.วันนี้มีหุ้นหลายตัวที่ทำถูกกฎระเบียบของตลาดฯ แต่มันอาจไม่ถูกใจบรรดาแมงเม่า ก็ขอให้รู้ว่า นี่เป็นเกมการเงินที่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นตกเป็นเหยื่อ!