พาราสาวะถี

น่าสนใจผลลัพธ์ของการเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่เปรียบเสมือนการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ


น่าสนใจผลลัพธ์ของการเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่เปรียบเสมือนการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ห่างเหินกันมายาวนานกว่า 30 ปี จะมีสาระอะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างมหาศาลหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่การแถลงชี้แจงของฝ่ายที่รับผิดชอบ หรือจะเป็น ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้อธิบายด้วยตัวเองก็จะยิ่งดีและกระจ่างชัดในทุกเรื่อง

อย่างไรก็ตาม ก่อนการเดินทางไปเดิมทีคิดว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด สุดท้ายก็มีการร่อนเอกสารชี้แจงกำหนดการเดินทางดังกล่าว ขณะเดียวกันทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียก็ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการเยือนครั้งนี้ พร้อมระบุด้วยว่า การเยี่ยมเยียนเกิดขึ้นเพื่อหวังให้เกิดการปรึกษาหารือกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน และเพื่อประโยชน์ของการประสานงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

อยู่ที่ว่าสิ่งที่ไปหารือมานั้นทางฝ่ายซาอุฯ ต้องการให้เปิดเผยหรือไม่ และทางการไทยสามารถเปิดอะไรได้บ้างหรือเปล่า ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานะของผู้เชิญคือ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีช อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของซาอุดีอาระเบีย คาดหมายได้ว่าการหารือน่าจะเน้นหนักไปที่ความร่วมมือทางการทหารเป็นด้านหลัก เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางซาอุฯ ได้มีการประสานกับทางไทยมาโดยตลอดเรื่องการเข้าร่วมฝึกคอบร้าโกลด์

โดยทางซาอุฯ มีความประสงค์ส่งกำลังทหารเข้ามาฝึกคอบร้าโกลด์ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ แต่ไทยเห็นว่าระยะเริ่มแรกควรเป็นผู้สังเกตการณ์ก่อน ด้วยเหตุผลสำคัญคือหากไทยตอบรับย่อมมีผลกระทบต่อชาติอื่นที่ไม่ได้เป็นมิตรกับซาอุฯ ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดเรื่องการเผชิญหน้าของเหล่าประเทศยักษ์ใหญ่ที่ต้องการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารเวลานี้ ก็ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวที่ผู้นำไทยจะต้องวางตัวให้เหมาะสม ไม่ถูกลากให้ไปยืนอยู่ข้างหนึ่งฝ่ายใด

ทั้งนี้ บรรดากุนซือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะที่อยู่ในฝ่ายพลเรือนต่างแสดงความเป็นห่วงเรื่องท่าทีของประเทศไทยต่อการแสดงออกกับปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันการเดินทางไปซาอุฯ ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรอบนี้ ก็ชัดเจนว่าเป็นการประสานงานให้จากบางประเทศที่หวังผล หากมองโลกในแง่ดีอีกด้านเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน แห่งราชวงศ์อัลซะอูด หรือที่โลกตะวันตกเรียกกันภายใต้ชื่อย่อว่า MBS พระองค์มีสถานะไม่ต่างจากผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย อาจต้องการฟื้นความสัมพันธ์กับไทยอย่างจริงจังก็เป็นได้

เนื่องจากพระองค์เป็นผู้เปิดแผนยุทธศาสตร์ Saudi Vision 2030 อันเป็นแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้ลดการพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจของประเทศ และพัฒนาภาคบริการสาธารณะ เปิดกว้างด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการเสริมสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุน การเพิ่มการค้าระหว่างประเทศที่นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งประเทศไทยน่าจะมีศักยภาพในบางด้านที่ซาอุฯ มีความต้องการ ก็หวังว่าจะมีเรื่องที่ดีเกิดขึ้น

ไม่ว่าการไปเยือนซาอุฯ ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะมีผลอย่างไร แต่ภายในประเทศการเมืองว่าด้วยเรื่องเสียงในสภา ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ให้สะเด็ดน้ำหากไม่อยากให้มีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น ปมขับ 21 ส.ส.กลุ่มธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นพรรคยังคงคาราคาซัง เช่นเดียวกับประเด็นความขัดแย้งของแก๊ง 3 ป. นอกจากท่านผู้นำจะให้กระบอกเสียงมาแก้ต่าง พี่ใหญ่ของแก๊งก็แก้ตัวเช่นกันว่า ไม่มีความกินแหนงแคลงใจใด ๆ ยังคุยกันทุกวัน รักกันเหมือนเดิม

แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ เมื่อถูกถามถึงปมจะมีการกลับลำมติพรรคที่ให้ขับส.ส.กลุ่มดังกล่าว กลับไม่มีคำตอบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เมื่อได้ฟังคำตอบจาก วิษณุ เครืองาม ที่ยอมรับในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมาทุกรูปแบบว่า “การเมืองกลับกันไปกลับกันมาได้เสมอ” โดยสิ่งที่เนติบริกรเชื่อก็คือ “ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะการเมืองสภาเป็นเรื่องของตัวเลข อยู่ที่จะสะวิงไปอย่างไร แต่ไม่ได้เป็นปัญหา” น่าขีดเส้นใต้ตรงคำว่าเรื่องของตัวเลข

หมายถึงตัวเลขของจำนวนส.ส.ที่วิษณุเชื่อว่าจะไม่ปริ่มน้ำกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล หรือตัวเลขของต้นทุนที่จะต้องมีเพื่อรักษาเสถียรภาพของฝ่ายกุมอำนาจให้ได้นานที่สุด ดูจากความมั่นใจของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.แล้ว พอจะคาดเดาได้ว่าการบริหารจัดการเรื่องเสียงไม่น่าจะติดขัด ขึ้นอยู่กับความใจถึง เพียงแต่ว่าเวลานี้ต้องพยายามที่จะดึงเกมในการประชุมสภาช้าได้ต้องช้าไว้ก่อน เพื่อขอบริหารจัดการเสียงให้มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีการเบี้ยวกันเกิดขึ้น

สำหรับประเด็นตลกที่ว่าส.ส.ซึ่งถูกขับออกจากพรรคสืบทอดอำนาจจะขอกลับมาร่วมก๊วนเดิมนั้น ความเห็นของวิษณุแม้จะพูดในทำนองชวนหัวร่อ แต่ก็แฝงไปด้วยแง่คิดที่นักเลือกตั้งพึงตระหนัก ในแง่กฎหมายทำได้ แต่ก็ตลก เพราะกฎหมายบอกให้ส.ส.หาพรรคการเมืองให้ได้ภายใน 30 วัน ดังนั้นจะไปหาพรรคไหนก็เรื่องของส.ส.รายนั้น จะไปหาพรรคใหม่ที่ยังไม่มีส.ส.เลยก็ทำได้ “แต่ถ้าพรรคเก่าที่ไปไล่เขาออก แล้วไปรับเขากลับเข้ามา มันตลก เมืองไทยมันมีเรื่องตลกบ่อย ช่างมันเถอะ ฮา ๆ ๆ”

มีเสียงหัวเราะส่งท้ายจากเนติบริการผู้รู้ใจความต้องการของเผด็จการ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปคงไม่ใส่ใจต่อการเมืองที่เกิดขึ้นสำหรับก๊วนสืบทอดอำนาจกันอีกแล้ว ไม่ว่าจะพลิกแพลงตะแคงฟ้ากันอย่างไร ผลประโยชน์ก็ไม่ได้ตกไปถึงคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องการจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์ส่วนบุคคลและพรรคพวก รวมไปถึงการหาทางที่จะทำให้อยู่ในอำนาจได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในภาวะกระแสต่ำเตี้ยเรี่ยดินของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็ทำให้อดลุ้นกันไม่ได้ว่า จะยืนระยะกันไปได้อีกซักกี่น้ำ

Back to top button