เลือกตั้งเดือดหลักสี่
การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 9 พื้นที่หลักสี่-จตุจักร แทนตำแหน่งที่ว่างลงจากการสิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส.พรรคพลังประชารัฐของนายสิระ เจนจาคะ จะเป็นการชิงชัยอันเผ็ดร้อนและครบเครื่องครบครันทุกรสชาติที่สุด
การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 9 พื้นที่หลักสี่-จตุจักร แทนตำแหน่งที่ว่างลงจากการสิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส.พรรคพลังประชารัฐของนายสิระ เจนจาคะ จะเป็นการชิงชัยอันเผ็ดร้อนและครบเครื่องครบครันทุกรสชาติที่สุด
ชี้ได้เลยว่า คนกรุงเทพฯ ชอบแบบไหน!
ชอบอนุรักษ์นิยมแบบอำนาจนิยม ก็เลือกผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 7 ชอบ “โรยัลลิสต์” ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์เข้มข้น ก็เลือกผู้สมัคร “พรรคไทยภักดี” เบอร์ 1 ชอบเสรีนิยมกลาง ๆ ไม่ซ้ายไม่ขวามาก ก็เลือก “พรรคกล้า” เบอร์ 2
ชอบเสรีนิยมหัวก้าวหน้า ก็ต้องเลือกผู้สมัคร “พรรคเพื่อไทย” เบอร์ 3 และชอบเสรีนิยมซิ่งแบบรถสปอร์ตโดยคนรุ่นใหม่ ไม่เอาเผด็จการ ก็ต้องเลือกผู้สมัคร “พรรคก้าวไกล” เบอร์ 6
ความจริงก็มีผู้สมัครอีกหลายพรรคล่ะครับ แต่นี่คือ 5 ตัวเต็ง ที่มองกันตามหน้าเสื่อเวลานี้ มีความคู่คี่สูสีกันมากที่สุด ที่จะก้าวสู่ชัยชนะหนึ่งเดียวในบรรดาผู้สมัคร
สุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย อายุ 42 ปี เป็นบุตรชายเสนาะ เทียนทอง จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทจากสหรัฐอเมริกา เคยเป็นส.ส. 1 สมัย แต่การเลือกตั้งปี 62 พ่ายแพ้ให้กับสิระเฉียดฉิว 2 พันกว่าคะแนน
สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ”มาดามหลี” พรรคพลังประชารัฐ มาทวงตำแหน่งให้สามี อายุ 50 ปี จบปริญญาตรีและโท มหาวิทยาลัยเกริก ประกอบอาชีพธุรกิจ
“เพชร” กรุณพล เทียนสุวรรณ พรรคก้าวไกล อายุ 45 ปี คุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่เป็นอดีตนางสาวไทย ประภัสสร พานิชกุล การศึกษาปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นนักแสดงตั้งแต่ปี 2544 ก่อนเบนเข็มสู่การเมือง
อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า อายุ 43 ปี นิติศาสตร์บัณฑิตและมหาบัณฑิตนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยรับราชการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง อดีตส.ส.กทม. 2 สมัยปี 51 และ 54 และสอบตกปี 62 ในเขตเลือกตั้งจตุจักร
พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ พรรคไทยภักดี อายุ 43 ปี เศรษฐศาสตร์บัณฑิตและมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาชีพนักธุรกิจ
ตามหน้าเสื่อเวลานี้ พันธุ์เทพยังไม่ได้กระแสพรรคตอบรับสักเท่าไหร่ จึงเหลือผู้สมัคร 4 คนจาก 4 พรรคที่คู่คี่สูสีเบียดกันมา
มาดามหลี อาจจะได้เปรียบตรงสังกัดพรรคอำนาจรัฐ อรรถวิชช์อาจได้คะแนนแบ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ส่งคนลงเที่ยวนี้บ้าง และคนที่ยังกลัว “ผีทักษิณ” รวมทั้งขยาดคนรุ่นใหม่ชู 3 นิ้ว
เพชร–กรุณพล ดีวันดีคืน เสียงเชียร์แน่นจากคนรุ่นใหม่ที่เที่ยวนี้ออกมาจัดหนักแน่ ส่วนสุรชาติยังได้ฐานเสียงเดิมที่ไม่แปรเปลี่ยน และกระแสรัฐบาลขาลงเป็นตัวช่วย
สถิติเก่าของการเลือกตั้งปี 62ที่ผ่านมา สิระเข้าวินด้วยคะแนน 34,907 แต้ม ทิ้งที่ 2 สุรชาติเฉียดฉิวที่ทำได้ 32,115 คะแนน อันดับ 3 เป็นผู้สมัครก้าวไกลที่ไม่ใช่ “เพชร” ทำได้ 25,735 คะแนน และที่ 4 เป็นผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ที่คราวนี้ไม่ส่งสมัคร
แต่คะแนนเก่า 16,255 คะแนนของผู้การแต้ม อาจจะแบ่งไปให้อรรถวิชช์ ผู้เป็นศิษย์เก่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มากก็น้อย
กระแสมาดามหลีต้องพึ่งพากระแสรัฐบาลหรือนายกฯ ตู่เป็นหลัก โค้งสุดท้ายเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ประกาศดัชนีการทุจริตประจำปี 2564…
ประเทศไทยอันดับหล่นไป 6 อันดับ จาก 104 ไป 110 จากคะแนนเต็ม 100 ได้คะแนนความโปร่งใสไปแค่ 35 คะแนนเท่านั้น ถูกอินโดฯ และเวียดนาม แซงปาดหน้าไปแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ และกัมพูชา
นั่นหมายถึงว่ากว่า 7 ปี ที่ “บิ๊กตู่” รัฐประหารเข้ามาด้วยข้ออ้างปราบโกง กลายเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่ก็โชคดีในนาทีสุดท้าย ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบีย มาปั่นกระแสชดเชยได้บ้าง
สรัลรัศมิ์ที่ทำท่าเพลี้ยงพล้ำ ก็เลยมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้าง
ผมเชื่อว่า การเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 9 พื้นที่หลักสี่-จตุจักรคราวนี้ คนจะกาบัตรจากความนิยมในพรรคการเมืองมากกว่าตัวบุคคลครับ
ส่วนตัวผมที่เป็น “เบบี้ บูมเมอร์” ที่ชราตามโลกไม่ทันแล้ว ขอเลือก “คนหนุ่ม” มาทำหน้าที่แทนล่ะกัน แต่ก็นั่นแหละ! ต้องเป็น “คนหนุ่ม” ที่หัวจิตหัวใจนะครับ
คนชราในร่างคนหนุ่ม ไม่เอา!