KTIS ตกม้าตาย.!?
หมายมั่นปั้นมือไว้เยอะว่า คดีเรียกเงินคืนจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายและกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย น่าจะทำให้งบการเงินของ KTIS โป่งพองเป็นพิเศษ!
หมายมั่นปั้นมือไว้เยอะว่า คดีเรียกเงินคืนจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายและกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย น่าจะทำให้งบการเงินของบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS โป่งพองเป็นพิเศษ..!! เพราะหากชนะคดี KTIS จะบุ๊กกำไรพิเศษเข้ามาทันที จำนวน 2 ก้อน รวมกันราว 924 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีอีกนะเนี่ย…
ก็น่าจะทำให้งบปี 2565 ของ KTIS พลิกมามีกำไรได้ หลังจากปี 2564 น่าจะปิดสถานะด้วยตัวเลขขาดทุน เพราะช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 มีตัวเลขขาดทุนสูงถึง 1,114.44 ล้านบาท จากรายได้รวม 10,419.14 ล้านบาท
เป็นสตอรี่ที่ทำให้ KTIS กระชุ่มกระชวยขึ้น..!?
ขณะที่สารตั้งต้นของเรื่องนี้ สืบเนื่องมาจาก KTIS ได้มีการนำส่งเงินรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ตั้งแต่ฤดูกาลผลิตปี 2550/2551 จนถึงปี 2556/2557 และบริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก KTIS ได้นำส่งเงิน ตั้งแต่ฤดูกาลผลิตปี 2541/2542 จนถึง 2556/2557
ต่อมาได้พิจารณาทางกฎหมายแล้ว เห็นว่าการนำส่งเงินกองทุนเท่ากับจำนวนผลต่างระหว่างรายได้สุทธิและค่าอ้อยตามราคาอ้อยขั้นสุดท้ายรวมกับผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ตามที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเรียกเก็บในวิธีการคงที่นั้น ไม่ใช่วิธีการเรียกเก็บที่คณะกรรมการฯ มีอำนาจเรียกเก็บ และกองทุนฯ ไม่มีอำนาจรับไว้ตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2560 KTIS และบริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จึงได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการฯ และกองทุนฯ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้คืนเงินอันมิใช่เงินรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล จำนวน 544.52 ล้านบาท และ 379.57 ล้านบาท
โอเค…ก็เป็นสิทธิ์ที่ KTIS สามารถต่อสู้ในแง่ของตัวบทกฎหมาย…เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โดยคดีความดำเนินการมาถึงสองศาล ทั้งศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด…
แต่ปรากฏว่าทั้งสองศาลพิพากษาให้ยกคำฟ้องทั้งสองคดี…เนื่องจาก “การยื่นฟ้องคดีต่อศาลเกินกำหนดระยะเวลาฟ้องคดี”
กลายเป็นว่า KTIS ตกม้าตายซะงั้น..!?
ที่จริงถ้าแพ้คดีด้วยสาเหตุอื่น ก็พอทำเนาได้อ่ะนะ แต่พอแพ้คดีจากการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเกินระยะเวลาฟ้องคดี ก็ไม่ต่างจากการแพ้ฟาวล์ในเกมแข่งขันกีฬานะสิ…
เข้าทำนองไม่ได้เงินไม่ว่า แต่เสียหน้า…อุ้ย เสียท่านี่สิ เรื่องใหญ่..!!
เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้กับ KTIS รวมถึงบริษัทอื่น ๆ ในการฟ้องร้องคดีว่า อย่ามองข้ามเรื่องระยะเวลาฟ้องคดี เพราะมีส่วนสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายได้เหมือนกัน
แต่เห็นนักลงทุนพร้อมใจกันเทหุ้น KTIS จนทำให้ราคาร่วงสองวันติดต่อกัน โดยเมื่อวันศุกร์ปิดตลาดที่ 4.62 บาท ปรับลดลง 1.70% ก็ไม่รู้เป็นเพราะแพ้คดีหรือเปล่าน้อ..?
เอาเป็นว่า แพ้คดีนะไม่เท่าไหร่หรอก แต่มันน่าเจ็บใจ ว่าป่ะล่ะ…
เฮ้อ..! เสียเหลี่ยมบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ ..หม๊ดเลย..!!
…อิ อิ อิ…