ปีทองหุ้นโลกใหม่
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ และกำลังก้าวสู่เดือนใหม่ “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนอิริยาบถเม้าท์ถึงเกร็ดความรู้ต่าง ๆ เพื่อทำให้แฟนคลับนำไปประยุกต์ใช้กับการซื้อหุ้น
*เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ และกำลังก้าวสู่เดือนใหม่ “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนอิริยาบถเม้าท์ถึงเกร็ดความรู้ต่าง ๆ เพื่อทำให้แฟนคลับนำไปประยุกต์ใช้กับการซื้อหุ้น และยังเป็นการเบิกเนตรให้พบกับทางเลือกใหม่ในการลงทุน จึงขอพักเบรกในการเม้าท์ถึงบรรยากาศตลาดหุ้น เพราะท้ายที่สุดก็ยังตกอยู่ในภวังค์เหมือนเช่นที่ผ่านมา รวมทั้งอาการเด้งขึ้นในทิศทางขาลงที่เกิดขึ้นถี่ ๆ ก็แสดงให้เห็นว่า “สู้ไป กราบไป” (มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย)…อิอิอิ
*สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นลักษณะประคองตัวให้รอดพ้นไปวัน ๆ และการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,639.51 จุด บวกไป 5.34 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.77 หมื่นล้านบาท น่าจะสื่อให้เห็นเรื่องราวที่ “โมนิก้า” เคยเล่าให้ฟังทั้งหมด จึงไม่ควรฝืนกระแสที่เกิดขึ้นเป็นอันขาด ยกเว้นต้องการเล่นแบบ ride on fluctuation ก็สามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะนักเล่นที่เป็นหน่วยกล้าตาย คงไม่มีอะไรมากีดขวางหนทางการเล่นหรอกค่ะ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ กำลังมุ่งไปที่ระบบดาต้าเซ็นเตอร์กันทั้งนั้น ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับระบบคลาวด์ที่โตวันโตคืน ผนวกกับเมื่อมองถึงศักยภาพของประเทศไทยในการผลักดันตัวเองขึ้นเป็น Data Hub ย่อมส่งผลดีโดยตรงกับหุ้นที่ทำระบบดังกล่าวเต็ม ๆ เดี๊ยนจึงให้ความสนใจหุ้นกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ เพราะในระยะยาวกำไรโตแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์จ้า
*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากตัวเลขที่การตั้งไซต์ดาต้าเซ็นเตอร์ในสิงค์โปร์มีราว ๆ 150 ไซต์ ขณะที่ตัวเลขตั้งไซต์ในฮ่องกงอยู่ในระดับ 230 ไซต์ โดยทั้งสองประเทศประกาศห้ามตั้งเพิ่มอีกต่อไป เพราะมันกระเทือนกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติเบนเข็มมาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เพราะความต้องการใช้ระบบคลาวด์เพิ่มขึ้นทุกวันไงล่ะคะ
*ยิ่งมองตัวเลขเกี่ยวกับดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศไทยมีแค่ 28 ไซต์ ยิ่งเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า คนที่เกี่ยวข้องกับระบบดังกล่าวรับทรัพย์กันถ้วนหน้า เพราะระบบส่งผ่านข้อมูลจะเปลี่ยนจาก “วอยซ์” กลายเป็น “นอนวอยซ์” มากขึ้นกว่าเดิม (คล้ายกับการใช้โทรศัพท์ถ่ายรูป ก็จะมีรูปในโทรศัพท์มากขึ้นทุกวัน) “โมนิก้า” จึงเชื่อว่า ธุรกิจแนวนี้จะกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงสวนโควิดอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ
*เรื่องนี้เทียบเคียงได้จากการพุ่งแรงของหุ้น INET ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ล้วนเป็นผลพวงที่เกิดจากลูกค้ามีความต้องการใช้คลาวด์มากขึ้น ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาหุ้นกระโดดขึ้นจากฐาน 4.50 บาท พร้อมกับไต่ระดับขึ้นไปทำไฮที่บริเวณ 10.60 บาท ต่อจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 7.70 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท ท่ามกลาง BV 4.20 บาท มันน่าสนใจไหมเอ่ย?
*หุ้นอีกตัวที่น่าสนใจ เพราะเป็นรากฐานก่อนจะมีคลาวด์ก็คือ INSET เพราะเป็นบริษัทที่ทำ “ดาต้าเซ็นเตอร์” สัญชาติไทยเจ้าดัง และมีงานเข้ามาในมือไม่ขาดสาย และเรื่องนี้ถูกย้ำหัวหมุดด้วยตัวเลขกำไร 9 เดือนของปี 64 เกือบจะเท่ากับกำไรทั้งปี 63 ผสานกับอยู่ในช่วงของการดีลงานใหม่ ๆ เข้ามาต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงมองว่า นี่เป็นหุ้นทรงสวยที่แฟนคลับต้องติดตามดูแบบใกล้ชิด เพราะการยืนปิดที่ระดับ 6.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท ยังไม่สะท้อนความจริงบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเจ้าค่ะ
*หากต้องการเห็นภาพที่ชัดขึ้นกว่าเดิม และกาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นการโต “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น ITEL เพื่อชี้ให้เห็นกำไรตั้งแต่ปี 61-63 โตตลอดศก ไล่ตั้งแต่ระดับ 133 ล้านบาท ขึ้นมาแถว 181 ล้านบาท และขยับขึ้นมา 184 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนปี 64 อยู่ในระดับ 157 ล้านบาท เสมือนเป็นการบอกให้รู้ว่า โตมั่นคง จึงอนุมานได้ทันทีว่า การยืนปิดที่ระดับ 5.55 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.90 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41 ล้านบาท เหมาะต่อการทยอยเก็บไงล่ะคะ
*เมื่อเม้าท์ถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับพวกฮาร์ดแวร์ทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องไปดูผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอย่าง SECURE กันสักหน่อย เพราะเป็นธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบคลาวด์ เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 30.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27 ล้านบาท เพราะในมุมของธุรกิจยังเปิดกว้างสำหรับการสร้างรายได้ และทำกำไรเพิ่มน่ะซี
*ป.ล.บริษัทใหญ่ระดับโลกที่โตมาจากทางนี้มีหลายรายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อเมซอน กูเกิล และเทนเซ็นต์ ล้วนเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีแนวนี้ทั้งนั้นนะนายจ๋า!