พาราสาวะถี
เคาะกันลงตัวเรียบร้อยกับที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เรื่องที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปหรือจะเรียกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เคาะกันลงตัวเรียบร้อยกับที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เรื่องที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปหรือจะเรียกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการประชุมเพื่อซักฟอกในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์นี้ ใช้เวลาอภิปรายกัน 30 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 8 ชั่วโมง คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจว่าฝ่ายค้านจะมีประเด็นอะไรมาชี้ให้เห็นถึงความบกพร่อง ผิดพลาด ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐบาลเรือเหล็ก
แม้จะไม่ใช่การซักฟอกที่ต้องลงมติ แต่ตรงนี้ก็จะเป็นจุดที่หากฝ่ายค้านทำการบ้านมาดี ย่อมสามารถที่จะตีแผ่ความล้มเหลวหรือมีการทุจริตในส่วนหนึ่งส่วนใด อันจะทำให้รัฐบาลเสียรังวัดจนถึงขั้นมีปัญหาได้ ขณะที่ฝ่ายกุมอำนาจเนื่องจากไม่ใช่การซักฟอกที่ต้องใช้เสียงส.ส.มาการันตีความอยู่รอด จึงมองเป็นเวทีที่จะรับฟังความเห็นจากฝ่ายค้านเท่านั้น ถึงขนาดที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศในที่ประชุมครม.ว่าจะไปตอบแบบกว้าง ๆ ที่เหลือจะปล่อยให้เป็นหน่วยงานและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบชี้แจงแทน
ยังคงสไตล์เดิมคือไม่ให้ค่ามองฝ่ายค้านไม่มีราคา หรือความจริงอาจจะเหมารวมทั้งสภาเพราะหลังยึดอำนาจและตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าคสช. ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่างก็โจมตีนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลวมาโดยตลอด มาเปลี่ยนท่าทีเอาช่วงก่อนที่จะประกาศให้มีเลือกตั้งเพราะตัวเองจะต้องสืบทอดอำนาจเท่านั้นเอง แต่หลังจากนั้นก็ยังทำตัวเป็นเทวดาที่ไม่เห็นนักการเมืองเหล่านั้นอยู่ในสายตา
น่าสนใจตรงที่ว่าการอภิปรายครั้งนี้ 21 เสียงของส.ส.กลุ่ม ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ถูกอัปเปหิมาจากพรรคสืบทอดอำนาจ จะขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการซักฟอกด้วยหรือไม่ หากแสดงบทบาทในความเป็นอิสระโดยทันที ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดต่อวลีทองของผู้กองมันคือแป้งที่ว่าศัตรูของศัตรูคือมิตรชัดเจนเข้าไปอีก หากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะก็เหมือนอยู่ในภาวะพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เหตุเพิ่งแพ้เลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม.มาหมาด ๆ ยังจะมาถูกอดีตพวกเดียวกันลากไส้อีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ประเด็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มธรรมนัสนั้นคงต้องจับตาไปพร้อมกับคณะทำงานแก้ปัญหาหวยแพงที่มีการมอบหมายให้ เสกสกล อัตถาวงศ์ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ พร้อม 3 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุก รับรู้กันอยู่แล้วว่าผู้กองมันคือแป้งมีรายได้หลักจากการเป็นขาใหญ่ในวงการล็อตเตอรี่ การเร่งแก้ไขปัญหาหวยแพงทั้งที่เกือบ 8 ปีที่ผ่านมามีเวลาบานตะไท และตั้งคณะกรรมการแก้ไขไปหลายชุดแต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
ด้านหนึ่งจึงช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่าการขยับของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่อเรื่องนี้ มีเป้าหมายเพื่อที่จะกระทบชิ่งไปถึงหอกข้างแคร่ที่สร้างความเจ็บแค้นให้กับท่านผู้นำเป็นอย่างยิ่ง ทว่าประเภทไก่เห็นตีนงู การจะอาศัยอำนาจความเป็นผู้นำโดยยืมมือบรรดาขาเชลียร์ทั้งหลายไปเล่นงานคนที่ได้ชื่อว่าใจถึงพึ่งได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่คะแนนนิยมร่วงกราวรูดชนิดกู่ไม่กลับ เมื่อไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากดทับ ขยับทำอะไรถ้าไม่รอบคอบมันหมายถึงหายนะและต้นทุนที่จะต้องควักเพิ่มทุกครั้ง
ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. จากที่มองว่าอาจจะสะเทือนไปถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมืองหลวง ที่เดิมทีขีดเส้นไว้กลางปีนี้ด้วย ทำไปทำมาวงในจากรัฐบาลเรือเหล็กขึ้นสนิมรายงานว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะการจะดึงจังหวะยื้อเวลาไปเรื่อย ๆ ผู้ที่จะต้องรับบทหนักถูกจี้ไล่บี้ถามตลอดเวลาคือ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะผู้ชงเรื่องให้ครม.พิจารณา รวมไปถึงกกต.ที่จะต้องดูแลการเลือกตั้ง จะเข้าอีหรอบเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองเอากระดูกมาแขวนคอไปเสียฉิบ
ขณะเดียวกัน แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายให้อำนาจคณะรัฐมนตรีกำหนดการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะคือ กทม.และเมืองพัทยา แต่ใช่ว่าคณะรัฐมนตรีจะใช้อำนาจตามใจชอบอย่างไรก็ได้ หากไม่ใช่พวกอย่างหนาหรือบ้าอำนาจแต่เพียงอย่างเดียว เนติบริการข้างกายต้องสะกิดให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคำนึงถึงหลักเจตนารมณ์และบทบัญญัติแห่งกฎหมายการปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแบบพิเศษ นั่นก็คือ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาด้วย
ภายใต้กฎหมายพิเศษของกทม.และเมืองพัทยานั้น บัญญัติไว้ชัดเมื่อวาระการดำรงตำแหน่งสิ้นสุดลงแล้วจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ความจริงเวลาดังกล่าวได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว แต่ที่อยู่กันมาถึงปัจจุบันก็เพราะกฎหมายของเผด็จการคุ้มกะลาหัว เมื่ออ้างตัวว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็ควรที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และรีบคืนอำนาจให้กับประชาชนในเมืองหลวงได้กำหนดชะตาชีวิตผ่านผู้ว่าฯ กทม.ที่เลือกกันเองได้แล้ว
หากยังลีลายึกยัก ระวังว่าอาจจะมีคนกรุงเทพฯ ลุกขึ้นมาทวงสิทธิผ่านการยื่นร้องให้ครม.ปฏิบัติตามกฎหมาย แน่นอนว่าเมื่อถึงจุดนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่ามั่นใจว่าคุมทุกองคาพยพที่พร้อมจะเป็นเครื่องค้ำยันให้ขบวนการสืบทอดอำนาจอยู่กันต่อยาว ๆ อย่างที่บอก นาทีนี้สถานการณ์เปลี่ยน พวกที่เคยถือหางหรือใช้เป็นเครื่องมือในการกอบโกยก็มองออก ถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นใหม่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ฝ่ายอำนาจนิยมไม่เคยลังเลที่จะจัดการ
ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเข้าใจสภาพดังกล่าวนี้ดี จึงพยายามที่จะยื้อเพื่อหาทางพลิกแพลงให้ตัวเองกลับมายืนในจุดที่ได้เปรียบอีกครั้ง แต่ยิ่งดิ้นมันกลับยิ่งย้อนกลับมามัดตัวเองแน่นหนักเข้าไปอีก สัญญาณที่ส่งผ่านการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. จึงเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หากพรรคสืบทอดอำนาจไม่มีตัวเลือกชนิดที่ชื่อชั้นและการยอมรับเทียบกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ ยังไม่นับรวมผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่น ก็ควรจะยอมรับสภาพอยู่เฉย ๆ ปล่อยผ่าน แล้วไปรอวัดกันในสนามเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้าจะดีกว่า