1,700 เป้าถัดไป

*ต้องยอมรับแบบตรง ๆ ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ตกอยู่ใต้แรงกดดันของตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็คงไปได้ไม่ไกลเหมือนที่หลายคนคิด เพราะคนที่เป็นผู้เล่นหลักยังเป็นฝรั่งหัวทอง ส่วนผู้เล่นที่เป็นพวกกองทุนในประเทศก็ผันตัวเองไปเป็นเทรดดิ้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยอลเวงตลอดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นแบบบูรณาการเจ้าค่ะ


*ต้องยอมรับแบบตรง ๆ ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ตกอยู่ใต้แรงกดดันของตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็คงไปได้ไม่ไกลเหมือนที่หลายคนคิด เพราะคนที่เป็นผู้เล่นหลักยังเป็นฝรั่งหัวทอง ส่วนผู้เล่นที่เป็นพวกกองทุนในประเทศก็ผันตัวเองไปเป็นเทรดดิ้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยอลเวงตลอดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นแบบบูรณาการเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะประเด็นของผลประกอบการที่ดูเหมือนจะมีการเล่นล่วงหน้ากันไปเยอะ ส่งผลให้แก๊ปที่หุ้นจะวิ่งเหลือไม่มาก เพราะกำลังรอดูผลงานในไตรมาส 1 แจ่มแมวขนาดไหน? “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่กับการแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในช่วงหลายสัปดาห์ผ่านมา เพราะท้ายที่สุดดัชนีจะวิ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้อยู่ดี เพราะพีอีตลาดที่ระดับ 20 เท่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากผลงานในช่วงโค้งแรกออกมาดีตามที่คาดไงล่ะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,674.22 จุด บวกไป 5.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.25 หมื่นล้านบาท จึงอนุมานได้ทันทีว่า นักเล่นเริ่มไม่ค่อยกังวลกับอิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศมากนัก จึงเริ่มเก็บหุ้นเข้าพอร์ตรอบใหม่ในระหว่างที่ตลาดหุ้นกำลังยกตัว “โมนิก้า” ถึงไม่กังวลกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย บริษัทระดับโลกกำไรลด หรือสงครามของประเทศมหาอำนาจนะจะบอกให้

*เหมือนการทะยานขึ้นแบบเนียน ๆ ของหุ้น KBANK จนสุดท้ายสามารถทะลุแนวต้าน 150 บาทได้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน มันเป็นเรื่องที่น่าแฮปปี้สุด ๆ เพราะสองหนก่อนที่ขึ้นมาทดสอบ ก็ร่วงผล็อยไม่เป็นท่ากันเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 152 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.77 พันล้านบาท น่าจะเป็นใบเบิกทางสำหรับการไปต่อสวย ๆ (หวังว่า เดี๊ยนคงคิดถูก) นะคะ

*เช่นเดียวกับการขึ้น 5 วันติดของน้องใหม่ CIVIL คือภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นหุ้นโตแรงที่ขาลุยต้องเล่น และการที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.15 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 10.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท พร้อมกับทำ “ออลไทม์ไฮ” แบบต่อเนื่อง ย่อมเป็นการส่งสัญญาณแผนปั๊มรายได้มาแบบจัดเต็ม ราคาหุ้นเลยวิ่งนำหน้า ก่อนที่ข่าวจริงจะปรากฏก็เท่านั้นเองจ้า!

*ส่วนรายที่ฟอร์มตัวขึ้นรอบใหม่อย่าง IRPC ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดที่นักเล่นไม่ควรมองข้าม เพราะการขยับออกจากฐานแนวรับ 3.80 บาทเป็นครั้งแรก ด้วยการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 3.92 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 572 ล้านบาท ย่อมคาดหวังถึงการขึ้นไปหายอดแรกแถว 4.20 บาทได้ทันที เพราะโมเมนตัมของหุ้นเอื้อให้เหลือเกิน และราคาที่เห็นก็ยังต่ำกว่าราคาเหมาะสมเจ้าค่ะ

*หุ้นทรงสวยอีกตัวที่ต้องยกให้ SSP เพราะที่ผ่านมาย่ำฐานเป็นเวลานาน และเพิ่งขยับออกจากฐานอย่างจริงจัง “โมนิก้า” ถึงมองราคาปิดระดับ 12.70 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการ follow buy เพื่อลุ้นให้วิ่งขึ้นไปหายอดเดิมบริเวณ 14 บาท ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด 4 ครั้งในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาไงล่ะคะ

*ในเมื่อต้องตามกระแสกันทั้งที “โมนิก้า” ย่อมเล็งผลไปที่หุ้น DEMCO ในทันที เพราะเป็นหุ้นที่เดินเรื่องด้วยการเทิร์นอะราวด์ แถมความหวังถึงกำไรในปี 65 น่าจะแจ่มสุด ๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่หุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 4.08 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 401 ล้านบาท เพราะหุ้นไต่ระดับจากฐานราคาที่ค่อนข้างต่ำ เลยมีโอกาสไปหาฐานเก่าบริเวณ 4.50 บาทนะจะบอกให้

*ส่วนนักเล่นที่เป็นกลุ่ม “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” คงโฟกัสไปที่หุ้น ARIN มากเป็นพิเศษ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.36 บาท บวกไป 0.36 บาท หรือขึ้นไป 18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 279 ล้านบาท มันไม่มีอะไรจับต้องได้เลยสักอย่าง! แถมผลงานในช่วงที่ผ่านมาก็ขาดทุนให้เห็นเนือง ๆ “โมนิก้า” เลยไม่เข้าใจเหตุผลที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งแรงขนาดนี้ จึงฝากถึงพวกที่ชอบลองของว่า ระวังจะศพไม่สวยนะคะ

Back to top button