KISS สู่เครื่องมือแพทย์
ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์มา หลายคนรู้จักบริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ในฐานะหุ้นจูบ ที่ทำธุรกิจ 3 ขาด้วยกัน...ขาหลัก กลุ่มสกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สัดส่วน 80% ส่วนขารอง เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง สัดส่วน 13% และขาเสริม กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาเปลี่ยนสีผม 7%...
ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์มา หลายคนรู้จักบริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ในฐานะหุ้นจูบ ที่ทำธุรกิจ 3 ขาด้วยกัน…ขาหลัก กลุ่มสกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สัดส่วน 80% ส่วนขารอง เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง สัดส่วน 13% และขาเสริม กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาเปลี่ยนสีผม 7%…
ในแง่ของผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นะ มีกำไรสม่ำเสมอ แม้ในปี 2563 ซึ่งเกิดวิกฤตโควิดกำไรจะหดตัวไปบ้าง เหลือแค่ 167 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่เคยทำได้ 190 ล้านบาท ส่วน 9 เดือนแรกปี 2564 ตุนกำไรไว้แล้ว 98 ล้านบาท จากรายได้รวม 601 ล้านบาท
แถมอัตรากำไรสุทธิก็พอใช้ได้ เฉลี่ยอยู่ที่ 16–17% ดีกว่าหลาย ๆ บริษัทเลยน้า…
ก็จัดเป็นหุ้นที่อยู่ในเทรนด์สุขภาพที่น่าสนใจตัวหนึ่งแหล่ะ..!?
แต่ไม่รู้ว่าจะด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่า…ที่ทำให้บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ดอดมาซื้อบิ๊กล็อตจาก 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่ AURORA ASIA HOLDINGS PTE. LTD. และ “ปิยวดี สอนสิงห์” จำนวน 59.94 ล้านหุ้น ในราคาไอพีโอที่ 9 บาทต่อหุ้น มูลค่า 539 ล้านบาท
ส่งผลให้ GRAMMY ขึ้นสู่ผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 3 ของ KISS ด้วยสัดส่วน 9.99% ทันที
ไม่เท่านั้น ถ้าไปดูทำเนียบผู้ถือหุ้นใหญ่ KISS จะเห็นว่ามีทั้งแบงก์ใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพ ถือหุ้นเบอร์ 5 สัดส่วน 1.67% และนักลงทุนรายใหญ่ “เซียนฮง” สถาพร งามเรืองพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 6 สัดส่วน 1.49% รวมทั้งมีบริษัทประกันรายใหญ่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นเบอร์ 7 สัดส่วน 0.99% อีกด้วย
คงมีดีพอตัวแหละ ไม่งั้นบริษัทใหญ่และนักลงทุนรายใหญ่คงไม่เข้ามาถือหุ้นหรอกมั้ง…ว่าป๊ะล่ะ…
โอเค…ในแง่ของตัวธุรกิจ KISS คงโตได้เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่จะไม่หวือหวา อัตรา Growth จะต่ำ ก็เลยเป็นที่มาของการแตกไลน์ ขยับไปหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างฐานให้ใหญ่ขึ้น…หนึ่งในนั้น คือ การเข้าไปซื้อหุ้น 50.9% ในบริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด (HIB) มูลค่า 10.21 ล้านบาท
ก็ชัดเจน ไฮไบโอไซ มุ่งไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตและบรรจุยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยได้รับสิทธิในการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแอนติบอดีต่อเชื้อ SARS-CoV-2 เพื่อพัฒนาวิจัย ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พ่นจมูก สำหรับป้องกัน หรือยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 (ตามบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นในสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เป็นอีกสเต็ปของ KISS ที่จะช่วยสร้างโอกาสในการเติบโต…
เพราะถ้าไปดูในแง่ของโอกาสทางธุรกิจ ต้องยอมรับว่า มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งจากการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เทรนด์ของสุขภาพที่มาแรง บวกกับการมาของวิกฤตโควิดที่เป็นอัตราเร่งให้ตลาดนี้เติบโตก้าวกระโดด
แต่ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงเหมือนกัน เอาแค่เฉพาะในเซกเมนต์เครื่องมือแพทย์ จากเดิมมีผู้เล่นในตลาดนี้ราว 30,000 ราย แต่ช่วงโควิดมีบริษัทจดทะเบียนใหม่เพิ่มเป็น 170,000 รายเลยทีเดียว ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า งานนี้จะหมู่หรือจ่า…
ก็ต้องวัดฝีมือว่าไฮไบโอไซ ซึ่งเป็นบริษัทที่เพิ่งตั้งใหม่เอี่ยมอ่องเมื่อช่วงกลางปี 2564 จะทำเงินให้กับ KISS ได้มากน้อยแค่ไหน..? อย่างที่หวังหรือไม่..?
แต่อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่า KISS ย่ำอยู่กับที่แหละว่ามั้ย..?
…อิ อิ อิ…