หุ้นฟอร์มตก!
ก่อนอื่นต้องบอกแฟนคลับว่า เดี๊ยนไม่วอรี่กับการเคลื่อนตัวของดัชนีสักเท่าไหร่? เพราะการพยายามขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,700 จุด คือภาพสะท้อนแรงซื้อยังมีอยู่มาก
*ก่อนอื่นต้องบอกแฟนคลับว่า เดี๊ยนไม่วอรี่กับการเคลื่อนตัวของดัชนีสักเท่าไหร่? เพราะการพยายามขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,700 จุด คือภาพสะท้อนแรงซื้อยังมีอยู่มาก ขณะที่แรงขายก็ผ่อนลงไปเยอะเช่นกัน ดัชนีถึงยืนปิดที่ระดับ 1,703 จุด ลบไป 0.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 แสนล้านบาทแบบชิล ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดี และสามารถปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศการลงทุนที่เปลี่ยนไปได้แล้วพะยะค่ะ
*สถานการณ์ข้างต้นยังทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นต้องเจอบททดสอบอีกระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นถึงจะทะยานขึ้นไปหาเป้าหมายถัดไปบริเวณ 1,718 จุด ซึ่งเป็นเกร็ดข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ขณะเดียวกันยังเป็นการสื่อสารให้นักเล่นได้รู้ว่า การเล่นต่อจากนี้ต้องเป็นรอบสั้น ๆ เพราะการจะไปต่อต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบการไตรมาส 1 โตเหมือนที่คาดหวังขนาดไหนไงล่ะจ๊ะ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์มอยด์ถึงหุ้นฟอร์มตกตั้งแต่ต้นปี เพราะการโดนขายต่อเนื่องเหมือนเป็นการย้ำว่า ผลงานไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา..ไม่โอ! ขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นหนักเหมือนเช่นที่ผ่านมาว่า โค้งแรกของปีเสือทำผลงานได้บรรเจิดไหม! ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักเล่นสถาบันเลือกใช้วิธี ขายหุ้นเพื่อปิดความเสี่ยง และเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ดัชนีต้องย่ำฐานอีกระยะหนึ่งเจ้าค่ะ
*อ่วมอรทัยเกินจะบรรยายต้องยกให้ GPSC หลังโดนนักเล่นสถาบันขายมาราธอนตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ จนไม่มีแววที่จะคัมแบ็คได้สักทีแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมเทน้ำหนักไปยังราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และจะไปกระทบกับกำไรไตรมาส 1 อย่างมีนัยสำคัญ ราคาหุ้นถึงไหลลงมายืนแน่นิ่งอยู่ที่ 75.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.65% บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.20 พันล้านบาท ทั้งที่ต้นปียืนแถว 90 บาทไงล่ะคะ
*ส่วนรายที่ผ่านจุดพีคอย่างหุ้น BCH ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่นักเล่นต้องยอมรับสภาพแต่โดยดี เพราะประเทศไทยกำลังจะก้าวผ่านโควิดในไม่ช้า บวกกับราคาหุ้นวิ่งรับข่าวดังกล่าวไปเยอะแล้ว “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองการทรุดตัวของหุ้นจากราคา 26 บาทเมื่อเดือน ส.ค. ปีก่อน เทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ระดับ 18.30 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 415 ล้านบาท มันคือภาพที่ฟ้องให้รู้ว่า จบรอบนะคะ
*นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ฟอร์มหลุดอย่างหุ้น KEX เข้ามาติดโผนี้เป็นประจำ ซึ่งเป็นผลมาจากการกระโจนเข้าสู่สนามสงครามราคา จึงทำให้ผลงานไม่เป็นเหมือนดั่งที่หลายคนคาดหวัง “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นเอาแต่มุดลงดินลูกเดียว เพราะเกมแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดยังไม่จบ จึงไม่สามารถนับบาดแผลกลางกบาลมีกี่รอยได้ ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นยืนซึมกระทืออยู่ที่ระดับ 24.90 บาท (เทียบกับปีก่อนอยู่แถว 60 บาทแล้วเศร้าใจ) นะจะบอกให้
*คล้ายกับกรณีของหุ้น TIDLOR ที่อยู่ในอาการ “สามวันดี..สี่วันไข้” เป็นเวลาครึ่งปี คงเป็นผลมาจากความกังวลของผู้คนที่มีต่อการขยายสาขา เพราะเงินที่ได้จากการทำไอพีโอเมื่อปีก่อนถูกเอาไปใช้หนี้เป็นส่วนใหญ่ นักลงทุนเลยรอดูผลงานปีนี้จะโตขนาดไหน? ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเวลานาน และการยืนปิดที่ระดับ 36.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 592 ล้านบาท ก็เป็นการแกว่งตัวรอข่าวดีนะนายจ๋า!
*เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น OSP ขึ้นมาทันที เพราะแพทเทิร์นของหุ้นก็คล้ายกับรายข้างต้น ผสานกับผลงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่เปรี้ยงปร้าง ราคาหุ้นเลยทำดีสุดได้แค่แกว่งตัวไปมาในกรอบ 32-35 บาทไปพลาง ๆ และกลายเป็นตัวเลือกท้าย ๆ ที่โบรกเกอร์จะเอ่ยถึงแบบนี้ เดี๊ยนคงบอกได้แค่ ต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้..ต่อจากนั้นค่อยลุยดีกว่า เพราะการยืนปิดที่ 34 บาท และเป็นการเทรดบน PE 32 เท่าในหุ้นที่ไม่มี growth มันเหนื่อยเกินไปนะจ๊ะ
*ส่วนหุ้นที่กำลังเร่งเค้นฟอร์ม เพื่อกลับมาลุ้นแชมป์อย่าง OR (ฟอร์มเหมือนแมนยู) ก็มีประเด็นให้ขบคิดเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปั๊มกำไร และการสร้างความเชื่อมั่นของนักเล่นสถาบัน หรือแพทเทิร์นของหุ้นที่เป็นลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ ล้วนเป็นตัวแปรที่เกี่ยวพันกันไปหมด “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ 25.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 546 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 25 เท่า น่าทยอยเก็บไหมเอ่ย?