‘จีน’ เพิ่มกฎใหม่ลด ‘การฟอกเงิน’
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “ธนาคารกลางจีน” ออกแถลงการณ์กฎเกณฑ์ใหม่ ว่าด้วยธนาคารที่ดำเนินธุรกรรมฝากและถอนเงินสด เพื่อป้องกัน “การฟอกเงิน”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “ธนาคารกลางจีน” ออกแถลงการณ์กฎเกณฑ์ใหม่ ว่าด้วยธนาคารที่ดำเนินธุรกรรมฝากและถอนเงินสด เพื่อป้องกัน “การฟอกเงิน” หลังพบว่าเงินสดจำนวนมาก มักใช้ในการฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี หรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ถือเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 เป็นต้นไป “การฝาก” หรือ “ถอนเงินสด” ในครั้งเดียว ตั้งแต่ 50,000 หยวนขึ้นไป (ประมาณ 257,200 บาท) ธนาคารต้องตรวจสอบข้อมูลของลูกค้า แหล่งที่มาของเงิน หรือวัตถุประสงค์การใช้เงิน ด้วยทุกครั้ง..!!
“กฎเกณฑ์ใหม่” ที่ว่านี้เกิดขึ้นภายใต้ข้อมูลที่พบว่า เงินสดจำนวนมากที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ กลายเป็นช่องว่างที่มักถูกนำใช้เพื่อการฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี หรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ที่สำคัญการฟอกเงินเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศจีน
ทำให้หน่วยงาน “กำกับดูแลด้านการเงิน” ของจีน จึงต้องออกกฎระเบียบใหม่ที่อ้างอิงตามมาตรฐานสากล เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับการตรวจสอบและวิเคราะห์สถานะลูกค้ามากยิ่งขึ้น
นั่นหมายถึงหากต้องฝากหรือถอนเงินสด มากกว่า 50,000 หยวนจากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารจะต้องมีการกรอกแบบฟอร์มแจ้งการใช้เงินสดก้อนใหญ่ ต้องระบุวัตถุประสงค์ของการถอนเงินด้วย หรือกรณีฝากเงิน ต้องระบุที่มาของเงินฝาก และอาจใช้เอกสารยืนยันประกอบเพิ่มเติมเล็กน้อย ทำให้ส่งผลกระทบเรื่องการดำเนินงานไม่มากนัก
“การตรวจสอบหรือระบุตัวตนลูกค้า จะกระทำเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น เพื่อให้รบกวนลูกค้าในระดับต่ำที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างภาระให้กับลูกค้า”
โดยทางการจีน มีเป้าหมายว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้ จะส่งผลดีต่อระบบกำกับป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลดการก่ออาชญากรรมทางการเงิน เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินในจีนได้มากขึ้น
จากข้อมูลของทางการจีน พบว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา กิจกรรมที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ทั้งกรณีการหลอกลวง–การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายและการพนันข้ามพรมแดน มีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะปี 2564 เพียงปีเดียวมีการสอบสวนและจัดการกับคดีดังกล่าวกว่า 370,000 คดี
ธนาคารกลางจีน ระบุว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้ จะมีผลกระทบต่อลูกค้าเพียงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจุบันการที่บุคคลจะฝากเงินหรือถอนเงินสด 50,000 หยวน ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในจีน หรือเพียงแค่ 2% เท่านั้น และข้อมูลจาก China Radio International พบว่า ปัจจุบันชาวจีนส่วนใหญ่ใช้วิธีชำระเงินที่ไม่ใช้เงินสด อาทิ การชำระเงินผ่านมือถือหรือใช้เงินหยวนดิจิทัลกันมากขึ้น
โดยมีช่องทางการชำระเงินเเบบไร้สัมผัสที่หลากหลาย ทั้งการชำระผ่านมือถือหรือใช้เงินหยวนดิจิทัลของรัฐบาล แต่หากต้องการฝากเงินหรือถอนเงินสดมากกว่า 50,000 หยวน เพียงแค่กรอกแบบฟอร์มแจ้งการใช้เงินสดก้อนใหญ่ เลือกวัตถุประสงค์การถอนเงินหรือต้นทางที่มาของเงินฝาก โดยไม่ต้องใช้เอกสารอื่นใดเพิ่มเติม..
จึงเป็นที่น่าสนใจว่าหลัง 1 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป คดีการหลอกลวง-การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายและการพนันข้ามพรมแดนหรืออาชญากรรมทางการเงินของจีน..จะลดน้อยลงมากน้อยเพียงใด..!!