ขายแค่นี้..ไม่สะเทือน?
ข้อมูลที่ “โมนิก้า” รับรู้เป็นระยะ ณ ตอนนี้คือ ระบบเศรษฐกิจกำลังเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับความกังวลเกี่ยวกับโควิดก็ลดลงเป็นลำดับ
*ข้อมูลที่ “โมนิก้า” รับรู้เป็นระยะ ณ ตอนนี้คือ ระบบเศรษฐกิจกำลังเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับความกังวลเกี่ยวกับโควิดก็ลดลงเป็นลำดับ (ติดเยอะจนเริ่มชิน) เดี๊ยนถึงมองแรงขายที่ออกมาจาก “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” ไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน เพราะเมื่อมองดู growth ของบริษัทจดทะเบียนเทียบปอนด์ต่อปอนด์ ย่อมเทน้ำหนักไปในทางบวกมากกว่าทางลบ จึงเป็นข้อมูลที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกสบายใจไงล่ะคะ
*ยิ่งเห็นการต่อสู้ระหว่าง “แรงซื้อ” กับ “แรงขาย” ที่ออกมาเป็นระลอก ยิ่งทำให้รู้ว่า ยังมีนักลงทุนมองบวกกับตลาดหุ้นไทยเยอะ ส่งผลให้การเล่นต่อจากนี้เข้าสู่โหมดของการ “ทดสอบ” ความแข็งแกร่งของแนวรับสำคัญบริเวณ 1,700 จุด อย่างเต็มตัว แม้บางครั้งจะทรุดลงไปต่ำกว่าระดับดังกล่าวในบางครั้ง แต่ยังมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,680 จุดคอยทำหน้าที่ประคองดัชนีนะจะบอกให้
*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,699.20 จุด ลบไป 3.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.54 หมื่นล้านบาท ก็เป็นแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่ดัชนีกำลังทำฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมนั้น “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่เอื้อให้ขาลุยเข้ามาเล่นรอบแบบจุใจกันเลยทีเดียว เพราะตลาดหุ้นไทยมีแรงฮึดที่จะสู้รบปรบมือกับอิทธิพลต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนให้แมงเม่าช่วยกันซื้อเพื่อทำให้ตลาดหุ้นไทยยืนอย่างแข็งแกร่งเจ้าค่ะ
*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น MAKRO ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเลี้ยวหัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากโดนขายเป็นเวลา 5 เดือน “โมนิก้า” ย่อมเชื่อว่า หุ้นน่าจะไปต่อสวย ๆ และมีลุ้นกลับขึ้นไปยืนแถว 45 บาทอีกรอบ เพราะหุ้นซึมซับข่าวลบไปมากพอสมควร ส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่ระดับ 42 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท มีความเสี่ยงในการโดนขายแบบจัดหนักน้อยมากพะยะค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้น SINGER เป็นรายถัดไป เพราะการโดนขายจากระดับ 55 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 43.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท โดยมีฐานแนวรับเก่าอยู่ที่บริเวณ 40 บาท คือภาพสะท้อนที่ทำให้เชื่อว่า ดาวน์ไซด์จำกัด! จึงเป็นจังหวะของการเล่นเกมโต้กลับเร็ว หากหุ้นไหลลงมายังบริเวณด้านล่างนะคะ
*ในเมื่อต้องหันเล่นเกมรับแบบเหนียวแน่น ย่อมมีชื่อของหุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง CBG เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน เพราะการทรุดตัวลงมายืนใต้แนวรับสุดท้ายบริเวณ 100 บาท พร้อมกับปิดที่ระดับ 99.50 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.41 พันล้านบาท ก็ตีความได้ทันทีว่า หุ้นน่าจะลงต่อ! แต่จะลงไปถึงระดับ 80 บาทหรือไม่? เดี๊ยนขอแนะนำให้ดูค่า PE 32 เท่า เพื่อเป็นตัวช่วยในการพิจารณาว่า ควรซื้อไหม?..อิอิอิ
*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นไฟฟ้า BGRIM ซึ่งอยู่ในอาการเซถลาแรมปี จนล่าสุดประคองตัวอยู่แถว 33 บาท โดยมีฐานรับสำคัญถัดมาอยู่ที่ 30 บาทแบบนี้ ก็เป็นจุดวัดใจผู้เล่นจะเอาอย่างไร? และในทางปฏิบัติก็ทางเลือกทั้งในแบบ “ทยอยเก็บ” หรือ “รอก่อน” จึงอยากถามขาลุยทั้งหลายว่า การยืนปิดที่ระดับ 33.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 481 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 33 เท่า..มันโอเคไหมจ๊ะ
*ในเมื่อต้องใช้ความคิดมากหน่อย “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นปั๊มน้ำมัน PTG สักนิดหนึ่ง เพราะการแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ บนกรอบราคา 14-15 บาทเป็นเวลา 3 เดือน น่าจะเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า หุ้นตัวนี้ผ่านการทดสอบอย่างหนัก และแนวรับด้านล่างยังทำงานดี จึงไม่ต้องวอรี่กับอาการฮาร์ดแลนด์ดิ้งจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะการยืนปิดที่ระดับ 14.70 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 219 ล้านบาท คือการเทรดบน PE 14 เท่าเองค่ะ
*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่ต้องเอ่ยถึง เพราะโดนขายจนเข้าเขต oversold คงโฟกัสไปที่นายหน้าขายประกันอย่าง TQM เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ของธุรกิจยังไปได้เรื่อย ๆ และยังมีมูฟเม้นท์ให้ติดตามเป็นระยะ “โมนิก้า” จึงมองการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 46.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125 ล้านบาท โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 45 บาททำหน้าที่ซับพอร์ตแบบนี้ มันน่าสนใจจริง ๆ นะจะบอกให้