พาราสาวะถี

ประเดิมหลังวันหยุด 1 วัน ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมดมาตอบข้อคำถามของฝ่ายค้านที่ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ


ประเดิมหลังวันหยุด 1 วัน ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมดมาตอบข้อคำถามของฝ่ายค้านที่ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ในแง่ของเสียงส.ส.คงไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว เพราะการอภิปรายเที่ยวนี้ไม่ได้มีการลงมติ จึงยังไม่ถึงเวลาที่ต้องให้หนูช่วยหน่อยนะ แต่ภาพที่จะได้เห็นคงเป็นการปะทะคารมกันระหว่างส.ส.ฝ่ายค้านกับรัฐบาลเสียเป็นส่วนใหญ่

ในขณะที่รัฐมนตรีทั้ง 36 คนก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเอาตัวเองให้รอด เนื่องจากการอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายเรื่องที่ไม่มีในญัตติได้ คล้ายตั้งกระทู้ถามหมู่ ถามครม.ทั้งคณะ ไม่เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านจะเจาะจงเป็นรายบุคคล ทำให้รัฐมนตรีรายนั้นสามารถเตรียมตัวได้ หรือในภาษาการเมืองคือ เก็งข้อสอบถูก หรือมีข้อสอบรั่วเกิดขึ้น แต่การอภิปรายตามมาตรา 152 ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายได้อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมได้หมด ยกอะไรมาได้ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม ความที่มีกุนซือผู้ช่ำชองด้านกฎหมายและชั่วโมงบินทางการเมืองสูงอย่าง วิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาในครม. จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะไม่ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายอะไรอย่างไร เรื่องเหล่านั้นจะไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล เพราะตามมาตรา 152 ระบุเพื่อให้ซักถาม หรือให้คำแนะนำก็เท่านั้น จึงไม่มีผลอะไรกับเสถียรภาพของรัฐบาล เว้นแต่จะมีหลักฐานเด็ดอันเป็นประเด็นการทุจริตที่ฝ่ายรัฐบาลตอบไม่ได้หรือชี้แจงไม่เคลียร์นั่นก็อีกเรื่อง แต่ภาพอย่างนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นจากการทำงานของฝ่ายค้านปัจจุบัน

ประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจนับจากนี้จึงไม่ใช่กรณีอภิปรายตามมาตรา 152 หากแต่เป็นคณิตศาสตร์ทางการเมืองว่าด้วยเรื่องเสียงส.ส. หลังจากที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า ปักหลักลงฐานด้วย 18 เสียงกับพรรคเศรษฐกิจไทย และ 3 เสียงที่ถูกขับออกจากพรรคสืบทอดอำนาจพร้อมกันไปลงเอยที่พรรคภูมิใจไทยตามคาด ทำให้พรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล มีจำนวนส.ส.อยู่ในมือ 62 เสียง ที่เจ้าตัวประกาศว่าจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลนั้นไม่รู้ว่าจะสร้างความสบายใจให้กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหรือไม่

อย่างที่บอกว่าการเมืองในระบอบของนักเลือกตั้งทุกอย่างล้วนแต่มีต้นทุน ยิ่งสภาพการเมืองในสภาซึ่งการประชุมล่มซ้ำซาก ย่อมส่งผลถึงความง่อนแง่นของรัฐบาล มิเช่นนั้นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงไม่เน้นย้ำแทบจะทุกสัปดาห์ในที่ประชุมครม. ขอให้หัวหน้าพรรคทุกพรรคสั่งส.ส.เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง และเป็นที่มาของวลีทองหนูช่วยหน่อยนะ ขณะที่เสี่ยหนูและพลพรรคภูมิใจไทยก็ทนหวานอมขมกลืนมาตลอด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ถูกยึดอำนาจในการที่จะได้แสดงศักยภาพต่อการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 กลายเป็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรวบทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง แล้วใช้มือไม้ของตัวเองในนามฝ่ายความมั่นคงมาเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหา จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ผลที่จะตกกระทบต่อการเลือกตั้งคืออนุทินและพรรคของตัวเองต้องรับไปเต็ม ๆ ไหนจะประเด็นการดึงเกมยกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดที่เสี่ยหนูและลิ่วล้อต้องออกแรงขู่กันหลายรอบจึงจะได้รับการยินยอมแบบมีเงื่อนไข

จนกระทั่งถึงการแสดงจุดยืนคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ปลายทางคงผ่านจากมติเสียงข้างมากของครม. แต่ 7 รัฐมนตรีของภูมิใจไทยจะรอดถ้าอนาคตข้างหน้าถูกยื่นร้องและมีการชี้ว่าเป็นความผิด ทั้งหมดเหล่านี้แม้เสี่ยหนูจะเล่นบทผู้ตามที่ดี ยกหางผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตลอดเวลา ทว่าเบื้องหลังนั้นใครจะรู้ถึงความอึดอัด เหมือนภาษาที่พวกสอพลอบอกว่าท่านผู้นำถูกบีบไข่ ความจริงต้องแจงกันให้กระจ่างว่าใครกันแน่ที่บีบไข่จนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหน้าเขียว

หลังจากที่ 3 ส.ส.ของพรรคสืบทอดอำนาจสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว เซียนการเมืองทั้งหลายต่างฟันธงกันฉับ นี่คือภาวะที่อนุทินอยู่ในฐานะผู้กุมความได้เปรียบทุกประตู ยิ่งมีที่ปรึกษาที่เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองแพรวพราวเสียด้วยแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองที่เปราะบางเช่นนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีอย่างยิ่งของเสี่ยหนูและพลพรรค ที่จะเข้าคุมดุลชี้ขาดความเป็นตายของรัฐบาลเรือเหล็ก เรียกได้ว่ามีอำนาจต่อรองสูงเป็นอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแต่แบ็กอัพอันแข็งแกร่งของเสี่ยหนู การรวบรวมเสียงทั้งที่อยู่ภายใต้ชายคาพรรคภูมิใจไทย และที่ดูแลกันอยู่ต่างพรรค จะสร้างพลังในการต่อรองให้กับพรรคการเมืองแห่งนี้เท่านั้น หากแต่มองไปยังสนามการเลือกตั้งครั้งหน้า พื้นที่เป้าหมายอยู่ที่ภาคอีสานเป็นด้านหลักอยู่แล้ว เพราะมีการปูพรมด้วยการสร้างถนนหนทางไปทุกแห่งในแทบจะทุกจังหวัด ถือเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบคู่แข่งอื่น ๆ โดยเฉพาะเพื่อไทย ในภาคใต้ก็ถือเป็นเป้าหมายรองของภูมิใจไทยเช่นเดียวกัน

ตรงนี้เป็นโจทย์ที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามหาหนทางแก้ไขอย่างหนัก จากสนามที่เคยประกาศว่าส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์อย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ถูกพวกเดียวกันอย่างพรรคสืบทอดอำนาจตีแตกกระจุย ภูมิใจไทยภายใต้การบัญชาการเกมของนายทุนพรรคอย่าง พิพัฒน์-นาที รัชกิจประการ เจ้าของธุรกิจน้ำมันชื่อดังก็สามารถช่วงชิงเก้าอี้มาได้ในหลายจังหวัด การเลือกตั้งครั้งหน้าเป้าหมายของพรรคที่ประกาศเป็นพันธมิตรที่ดีของพรรคเก่าแก่ย่อมมีมากกว่าเดิมแน่นอน

การประกาศชู จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรคแต่อย่างใด คนเก่าแก่หลายรายตีจากไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่ก็ไม่ขอร่วมอุดมการณ์แค่เปลือก ได้โบกมือบ๊ายบายไปหลายราย จึงน่าสนใจว่ากว่าจะมีเลือกตั้งพรรคการเมืองแห่งนี้จะเหลือสภาพที่แข็งแกร่งพร้อมรบกับพรรคสำคัญอื่น ๆ ขนาดไหน ส่วนพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เวลานี้บอกได้คำเดียวว่านอนตีพุงสบายใจเฉิบ

ไม่ใช่เพราะเลือกตั้งครั้งหน้ายังไงก็ชนะ หากแต่เป็นความสบายใจที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.สามารถจัดการปัญหาทางการเมืองได้อย่างลงตัว ไม่ว่าการหาที่ลงให้กับเด็กในคาถาอย่างธรรมนัสและพวกได้ การสามารถกุมสภาพและคุมพรรคต่อไป โดยที่รัฐมนตรีสายตรงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ถูกส่งมาหวังจะยึดพรรคนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ ในทางกลับกันกลายเป็นน้องรักที่คิดไม่ซื่อต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อความมั่นคงของตัวเอง เป็นการสอนบทเรียนทางการเมืองที่โหดร้ายให้น้องทั้งสองได้รับรู้อย่างเจ็บแสบที่สุด

Back to top button