พาราสาวะถี

ไม่ได้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่เกินหลักหมื่นมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว และแนวโน้มก็จะเป็นเช่นนี้ไปต่อเนื่อง


ไม่ได้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่เกินหลักหมื่นมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว และแนวโน้มก็จะเป็นเช่นนี้ไปต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องที่คิดเองเออเอง เมื่อหมอการเมืองในกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับสารภาพหรือยอมรับสภาพเอง ไม่ว่าจะเป็น นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ที่ระบุชัดเจนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “วันนี้หากรวม ATK แล้วก็ประมาณ 3 หมื่นรายต่อวัน ต่อเนื่องมา 2 วันแล้ว” นั่นหมายความว่าตัวเลขที่ศบค.แถลงเป็นผู้ติดเชื้อที่ตรวจด้วยวิธี RT-PCR เพียงอย่างเดียว

ประเด็นนี้ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่ต้องตระหนัก เพราะหมายถึงรายรอบตัวเรานั้น ไม่มีใครรู้ได้ว่ามีผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอีกจำนวนเท่าไหร่ และโอกาสที่จะติดเชื้อมีง่ายเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากฟังแต่ข้อมูลที่ศบค.แถลงเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้คนเบาใจ ไม่เคร่งครัดในมาตรการป้องกันตัวเอง ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่มีการแถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รวมการตรวจ ATK ไปด้วย ในเมื่อหมอการเมืองและฝ่ายกุมอำนาจก็เรียกร้องให้ประชาชนตรวจกันด้วยวิธีแบบนี้เป็นประจำ

กลายเป็นความย้อนแย้งที่ว่าให้ตรวจแต่ไม่รายงานผล มันจะเกิดประโยชน์อะไร ในกรณีนี้ทำให้เกิดคำถาม ถ้าเช่นนั้นเราจะไปสู่จุดที่ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดกันเลยไหม เหมือนอย่างบางประเทศ เช่น สวีเดน ที่ยกเลิกการตรวจแล้ว ซึ่งนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า เรายังไม่กล้าหาญที่จะทำแบบนั้น เพราะคนไทยมีกว่า 60 ล้านคน ติดเชื้อประมาณ 3 ล้านคน คิดเป็น 4-5% ถือว่ายังน้อยมาก จึงยังต้องตรวจอยู่ แต่หากอนาคตพบอัตราเสียชีวิตและติดเชื้อต่ำจริง ๆ ก็อาจทำเช่นนั้นได้

โอกาสคงเป็นไปได้ยาก เพราะอย่างที่บอกเหตุที่ย้ำว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะสูงไปต่อเนื่อง ก็เป็นสิ่งที่หมอการเมืองอย่างนายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงค์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเองว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อน่าจะสูงสุดราวกลางเดือนมีนาคม แม้จะมีทิ้งติ่งไว้ว่าหากทุกคนช่วยกันระวังตัวโอกาสป่วยติดเชื้อก็จะลดลงได้ คนจำนวนไม่น้อยก็อยากจะถามหมอเหมือนกันว่า ทุกวันนี้คนไทยการ์ดตกกันอย่างนั้นหรือ

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ชัดแล้วว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดได้ดีโดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ จนได้รับคำชมจากทั่วโลกนั้น เป็นเพราะความร่วมมือจากคนทั้งประเทศนั่นเอง แต่ดูเหมือนว่าจากการที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเรือเหล็กหมดปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ไม่มีความสามารถที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ จำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการ อ้างให้คนไทยอยู่กับโควิดให้ได้

อย่างที่รู้กันเป้าหมายคือหวังจะโกยเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว เพราะถือเป็นขาหลักที่จะทำให้รัฐบาลที่บ่มีไก๊ สามารถมีเม็ดเงินมาใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ เวลานี้ที่กู้กันมาก็บักโกรกจนต้องขยายเพดานกันไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล จึงต้องสื่อสารแกมขู่ประชาชนกลาย ๆ หากจะให้ยอดการติดเชื้อลดลงก็ต้องเพิ่มมาตรการ ก่อนจะออกตัวว่ามันยังไม่ใช่ทางเลือกตอนนี้ ทุกคนต้องอยู่กับมันให้ได้ โดยเฉพาะต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เข็ม 4 เพื่อที่ว่าติดเชื้อจะไม่รุนแรง

ยิ่งประเด็นฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดส ที่มีความจำเป็นต่อการรับมือกับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เป็นสิ่งที่อนุทินควรต้องให้คำตอบกับประชาชนด้วยว่าทันการณ์หรือไม่ ตัวเลขที่โพนทะนาว่าฉีดวัคซีนเกิน 120 ล้านโดสแล้ว เมื่อสแกนโดยละเอียดแล้วก็พบว่าที่เกิน 70% มีแค่เข็มแรกและเข็มที่สองเท่านั้น ส่วนเข็มที่สามยังต้วมเตี้ยมอยู่ที่ 27% เช่นนี้หากไม่มีมาตรการเพื่อชะลอการระบาดระหว่างให้คนได้วัคซีนเข็มกระตุ้น ตัวเลขผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตอาจจะกลับมาสูงขึ้นอีกก็เป็นได้

ขณะที่การหมอและโควิดยังเป็นสิ่งที่คนไทยวางใจไม่ได้ การเมืองสถานการณ์ก็ไม่น่าไว้วางใจเช่นเดียวกัน ปี่กลองว่าด้วยการเตรียมพร้อมเข้าสู่โหมดเลือกตั้งนั้นเริ่มเชิดกันแล้ว ช่วงนี้จะเห็นได้ว่า “หมา” ตกเป็นจำเลยของบรรดานักเลือกตั้งกันไปแทบจะทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน วันก่อน ทักษิณ ชินวัตร พูดเรื่องเลี้ยงหมา 50 ตัวมีตัวที่ไม่เชื่องคอยจ้องจะกัดแต่เจ้าของ ก่อนจะบอกว่าที่พูดถึงนั้นไม่ได้พาดพิงถึงใคร โดยเฉพาะคนที่แปรพักตร์ไปเป็นขี้ข้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ

ล่าสุด สนธยา คุณปลื้ม พี่ใหญ่แห่งบ้านใหญ่ของจังหวัดชลบุรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวพูดเรื่องหมาไม่เชื่องกับปัญหาภายในพรรคสืบทอดอำนาจ ด้วยการทวงบุญคุณย้อนกลับไปช่วงของการแสดงพลังดูด ที่ตัวเองได้ยกพวกเข้าไปร่วม หลังจากได้รับคำร้องขอให้ไปร่วมก่อตั้งพรรคสืบทอดอำนาจในสถานการณ์พิเศษในขณะนั้นด้วยเหตุผลอันสุดคลาสสิกเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ แต่วันนี้เมื่ออยู่ดีกินดีกันแล้ว ปรากฏว่ามีคนของพรรคประกาศจะหาคนมาลงส.ส.ทุกเขต

ประสาลูกอดีตเจ้าพ่อภาคตะวันออก ย่อมไม่นิ่งเฉย จึงเข้าถามกับผู้ใหญ่ของพรรคซึ่งก็ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. คำตอบที่ได้คือ “มันก็อยากจะสร้างอาณาจักร อย่าไปสนใจ” นั่นไม่ได้ทำให้พี่ใหญ่ของบ้านใหญ่พอใจ จึงพรั่งพรูต่อว่าพยายามไม่สนใจมานาน เพราะคอยแต่คิดว่าการที่คนคนหนึ่งจะพูดเท็จหลายเรื่องในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองดูดีนั้นก็เห็นอยู่ดาษดื่น มีเพิ่มมาอีกคนก็ไม่แปลก คล้ายกับเวลาหมาเห่า ถ้าไม่สร้างปัญหาร้ายอะไรก็ไม่ควรไปดุ เพราะหมาก็ทำตามสัญชาตญาณของหมา

แต่คราวนี้ต่างไป เพราะตนเริ่มรู้สึกว่าหมาเริ่มก้าวร้าว ทั้งที่อุ้มชูมายาวนาน คนชลบุรีรักใครรักจริง คบใครคบจริง เป็นแบบนี้กันมาตลอด นับญาติกันมาตั้งแต่เกิด แต่กับการทรยศหักหลังเราก็จะไม่นิ่งเฉย แน่นอนว่าหมาที่ถูกกล่าวถึงนั้นก็แอ่นอกรับไม่ใช่ใครที่ไหน สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงานสายตรงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่นเอง โดยโต้กลับว่าตัวเองเป็นหมาที่รักเจ้านายแต่เจ้านายจากไปแล้ว หมาถูกทำร้ายโดนทิ้งขว้าง หมาไม่มีทิ้งเจ้าของ แต่เจ้าของเอามันไปทิ้งไปปล่อยวัด

ก่อนจะพาดพิงไปถึงคนที่พูดถึงตัวเองว่าเป็นแม่ทัพอัลไซเมอร์ สิ่งที่รับปากไว้ลืมหมด ซัดกันขนาดนี้ถ้าจะมีกาวประสานใจก็ต้องใหญ่กว่าตราช้าง คำถามก็คือแล้วจะเป็นใครในเมื่อพี่ใหญ่ก็ถือหางอีกฝ่าย ขณะที่น้องรักก็อุ้มชูคนที่ยกหางตัวเองตลอดเวลา พร้อมด้วยการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาของใครก็ต้องแก้กันเอา ดูแนวโน้มแล้วคงต้องมีพวกหนึ่งต้องเป็นฝ่ายไป นี่แหละสัญญาณให้นักเลือกตั้งเตรียมพร้อมกันแล้ว

Back to top button