พาราสาวะถีอรชุน
โวยวายแสดงความไม่พอใจต่อคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์บางฉบับกับการฟันธงล่วงหน้าว่ากรธ.จะบรรจุปมนายกรัฐมนตรีคนนอกและคปป.ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่ทุกคนอยากให้ทำมากกว่าการตีโพยตีพายคือ มีชัย ฤชุพันธุ์ กล้าประกาศชัดๆ หรือไม่ว่าจะไม่มีสองประเด็นนี้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ตัวเองกำลังเป็นหัวเรือใหญ่ยกร่างอยู่
โวยวายแสดงความไม่พอใจต่อคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์บางฉบับกับการฟันธงล่วงหน้าว่ากรธ.จะบรรจุปมนายกรัฐมนตรีคนนอกและคปป.ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่ทุกคนอยากให้ทำมากกว่าการตีโพยตีพายคือ มีชัย ฤชุพันธุ์ กล้าประกาศชัดๆ หรือไม่ว่าจะไม่มีสองประเด็นนี้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ตัวเองกำลังเป็นหัวเรือใหญ่ยกร่างอยู่
ความจริงเรื่องคปป.นั้น มันไม่ใช่เรื่องสักแต่ว่าเขียนหรือคาดเดากันเอาแบบยกเมฆ เพราะคำให้สัมภาษณ์ของ พลเอกสมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมื่อถูกถามถึงเรื่องการสร้างความปรองดอง โดยเจ้าตัวประกาศชัดว่าเมื่อมีคปป.แล้วทุกอย่างจะต้องเดินตามนั้น ถามว่าคนระดับที่บัญชาการผู้นำเหล่าทัพจะพูดแบบลอยๆ โดยไร้ข้อมูลอ้างอิงอย่างนั้นหรือ
นี่คือหลักฐานอันเป็นเครื่องยืนยันว่า ผู้มีอำนาจยังคงต้องการที่จะให้มีคปป. ส่วนหน้าที่ในการที่จะทำให้คณะกรรมการดังว่าเป็นที่ยอมรับของประชาชนนั้นเป็นเรื่องของมีชัยและชาวคณะกรธ. ถ้าหากเห็นว่าประเด็นอันเป็นปัญหาทำให้ร่างฉบับก่อนหน้าถูกคว่ำไม่มีความสำคัญและไม่จำเป็นต้องมี ทำไมต้องอมพะนำกันไว้ ปฏิเสธไปเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่มีใครไปคาดเดาต่างๆ นานา
แต่ความเป็นจริงมีชัยในฐานะหัวเรือใหญ่ของเนติบริกรและเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว โดยเฉพาะมาตรา 35 ที่ล็อกการร่างรัฐธรรมนูญไว้ ย่อมรู้อยู่แก่ใจสิ่งไหนที่จะดันทุรังบัญญัติไว้ เพราะเป้าหมายคือทำให้นักการเมืองและพรรคการเมืองอ่อนแอ โดยเป้าใหญ่คือพรรคของ ทักษิณ ชินวัตรและเครือข่าย
เหล่านี้คือความจริงที่ปฏิเสธกันไม่ได้ เหมือนกับคำถามที่เกิดขึ้นต่อความตั้งใจในการปราบปรามการคอร์รัปชั่นของคสช.และรัฐบาล ทำกันมาปีกว่า ที่เห็นชัดๆมีเพียงโครงการรับจำนำข้าวที่จ้องเล่นงานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่โครงการอื่นซึ่งมีพยานหลักฐานจะจะคาตาทั้งโรงพักร้างและการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 องค์กรที่ตรวจสอบยังออกลูกเล่นลิ้นไปวันๆ
โดยเฉพาะจีที 200 ที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า บริษัทที่นำมาขายถูกศาลอังกฤษตัดสินว่ามีความผิดอย่างชัดเจน เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวใช้งานไม่ได้จริงเป็นได้แค่ไม้ล้างป่าช้า แต่ว่าป.ป.ช.ของไทยกลับบอกว่า เรื่องนี้ลึกลับยากแก่การตรวจสอบ ทั้งที่แค่ต้นน้ำหากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกันอย่างจริงจังก่อนการจัดซื้อจะไม่รู้เลยหรือว่าอุปกรณ์นี้กำมะลอ
ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากที่มีการร้องเรียน ได้มีผู้เชี่ยวชาญหลายรายได้ทำการตรวจสอบอุปกรณ์จีที 200 โดยทีมตรวจสอบใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็พิสูจน์ได้อย่างปราศจากข้อกังขาว่าจีที 200 เป็นอุปกรณ์ลวงโลก คำถามที่ตามมาก็คือ ถ้าเจ้าหน้าที่รู้ว่าอุปกรณ์นี้ใช้ไม่ได้ แล้วทำไมจึงเสนอให้ผู้มีอำนาจเดินหน้าสั่งซื้อและผู้มีอำนาจไม่ได้เอะใจกันเชียวหรือ
สิ่งสำคัญก็คือ ปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นจากผู้ที่มีอำนาจอนุมัติงบประมาณสมคบคิดกันอย่างเป็นระบบหรือไม่ มากไปกว่านั้น การจัดซื้อไม่ได้มีแค่กองทัพบกเพียงหน่วยเดียว อีกหลายหน่วยงานก็จัดซื้อมาใช้กันอย่างสนุกสนานเหมือนช็อบปิ้งสินค้าฟุ่มเฟือยยังไงยังงั้น ที่น่าสังเกตคือมีการออกมารับรองจากผู้เกี่ยวข้องที่มีชื่อเสียงหลายรายว่าอุปกรณ์ดังกล่าวใช้งานได้ตามปรกติ ก่อนที่จะถูกจับได้ว่าเป็นเรื่องโกหก
จากหลักฐานที่ชัดเจนแบบนี้ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีไอซีทีจึงตั้งข้อสังเกตว่า ผู้รับผิดชอบเรื่องการไต่สวนน่าจะพิจารณาจากการที่รัฐต้องเสียประโยชน์หรือรัฐขาดทุนได้ในทันที เพราะการที่รัฐต้องจ่ายเงินซื้ออุปกรณ์ที่ใช้งานไม่ได้รวมเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท แต่ไม่มีใครต้องรับผิดชอบกับการจัดซื้อครั้งนี้ ดูแล้วน่าจะลึกลับและอธิบายได้ยากมากกว่าว่าทำไมการทุจริตในโครงการนี้ถึงยังไม่มีความคืบหน้าและยังหาคนผิดไม่ได้
ก่อนจะบอกต่อไปว่าประชาชนจำนวนมากคอยจับตาการทำงานของป.ป.ช.อย่างใกล้ชิด เพราะมาตรฐานในการชี้มูลความผิดต้องไม่สองมาตรฐาน ขนาดบางคดีพบว่าพยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริต ท่านยังสามารถใช้เวลาเพียง 21 วัน ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
ดังนั้น การจัดซื้อจีที 200 เป็นเงินหลายพันล้านบาทซึ่งรัฐขาดทุนแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ป.ป.ช.ย่อมสามารถชี้มูลความผิดบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ทุจริตประพฤติผิดมิชอบได้อย่างไม่ต้องสงสัย ยกเว้นเรื่องนี้จะเปลี่ยนจากเรื่องทางวิทยาศาสตร์มาเป็นการใช้ไสยศาสตร์ของใครบางคนที่สามารถเสกคาถาสั่งการให้เมฆหมอกลอยขึ้นมาบังตาผู้รับผิดชอบ จนเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องลึกลับและพิสูจน์ได้ยาก
หากเป็นเช่นนั้นจริงก็สมควรที่จะเลิกคุยโม้โอ้อวดเรื่องการกำจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้แล้ว เพราะที่ทำไปก็หนีไม่พ้นการตั้งป้อมเล่นงานฝ่ายการเมืองเพียงแค่พวกเดียวฝ่ายเดียว นี่เป็นเพียงแค่ข้อเรียกร้องให้จัดการกับการทุจริตที่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจที่จะต้องกวดขันให้ทุกอย่างโปร่งใส จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวถามหาใบเสร็จเลียนแบบสันดานของนักการเมืองที่บรรดาคนดีทั้งหลายจงเกลียดจงชัง
บ่ายวันนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะแถลงข่าวใหญ่เรื่องขบวนการและเครือข่ายของกลุ่มที่กระทำความผิดมาตรา 112 กรณีของหมอหยอง สารวัตรเอี๊ยดและอาร์ท เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจว่า คนกลุ่มนี้กระทำผิดกันอย่างไร ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่ได้รับการยืนยันมาเบื้องต้น คงเปิดเผยไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากบางเรื่องเป็นสิ่งไม่เหมาะสม
ที่น่าสนใจคือ วันวานผบ.ตร.ได้มีคำสั่งเปลี่ยนตัวโฆษกสตช.จาก พลตำรวจเอกประวุฒิ ถาวรศิริ เป็น พลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา จนเกิดกระแสข่าวว่ามีการบุกค้นบ้านของอดีตโฆษกสีกากีและข่าวการพัวพันผู้กระทำผิดมาตรา 112 ทั้งหลายทั้งปวงคงจะมีความชัดเจนในวันนี้ โดยเฉพาะข่าวที่ว่ามีนายตำรวจระดับสูงเกี่ยวข้องในคดีนี้นั้นท้ายที่สุดจะเป็นใคร