หลอนสงคราม
ในที่สุดสถานการณ์ของการปะทะกันระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ก็เดินมาถึงจุดหักเหสำคัญเมื่อผู้สันทัดกรณีพูดถึงท่าทีที่แข็งกร้าวของหมีขาว
*ในที่สุดสถานการณ์ของการปะทะกันระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ก็เดินมาถึงจุดหักเหสำคัญเมื่อผู้สันทัดกรณีพูดถึงท่าทีที่แข็งกร้าวของหมีขาวคือชนวนเหตุที่ทำให้ต้องมีสงคราม และศึกเที่ยวนี้ก็คงมีอเมริกากระโดดเข้ามาร่วมวงอย่างแน่นอน ซึ่งทำให้ทั่วโลกเกิดอาการแตกตื่นอย่างหนัก และพากันเทหุ้นทิ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเชื่อกันว่า การก่อสงครามเที่ยวนี้ พังกันเป็นแถบไงล่ะคะ
*ถึงกระนั้นก็มีแรงซื้อเข้ามาช้อนหุ้นเป็นระยะตลอดทั้งวัน ตลาดหุ้นไทยเลยยืนปิดที่ระดับ 1,691.12 จุด ลบไป 3.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.30 หมื่นล้านบาทแบบเสียวไส้ เพราะดัชนีลงมาทำ Double Bottom ที่บริเวณแนวรับ 1,670 จุดอีกครั้ง และตีความได้ว่า ดัชนีมีโอกาสเด้งกลับขึ้นไปหาฐาน 1,700 จุด หรืออาจทรุดตัวลงต่ำกว่าแนวรับข้างต้น จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นระทึกกันอีกวัน เพราะกลิ่นอายสงครามยังโชยมาไม่ขาดสายน่ะซี
*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เพราะเมื่อดูแรงขายที่กดลงมาหนัก ๆ จนดัชนีจวนเจียนจะหลุดแนวรับ 1,670 จุดรอมร่อ กลับมีแรงซื้อสวนเข้ามาเป็นจำนวนมาก เลยอนุมานได้ทันทีว่า ผู้เล่นบางคนมองเห็นโอกาสในการเล่นรอบ จึงรีบกระโจนเข้าเก็บหุ้นเพื่อหาช่องในการทำกำไรสั้น ๆ ผนวกกับอาการหลอนสงครามน่าจะเกิดถี่ขึ้นกว่าเดิม เลยไม่มีเวลาต้องคิดตรึกตรองอะไรมากนักเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นร้อนอย่าง CWT ซึ่งมีพื้นเพเป็นหุ้นพื้นฐานดีอยู่แล้ว แถมกำไรก็เติบโตต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีติด ราคาหุ้นก็ควรจะขึ้นไปได้ไกลตั้งนานแล้ว แต่ทันทีที่ประกาศทำเหมืองบิตคอยน์เท่านั้นแหล่ะ! ราคาหุ้นก็วิ่งระเบิดเถิดเทิง พร้อมกับทำซิลลิ่งไปเมื่อวันก่อน ขณะที่วานนี้ก็ขึ้นไปถึง 5.20 บาท ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดบริเวณ 4.12 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.76 พันล้านบาท มันเป็นการปิดเกมแบบไม่ทันตั้งตัวนะเนี่ย!
*ส่วนรายที่เริ่มรูดม่าน และเก็บฉากกลับบ้านอย่าง ZIGA ก็เป็นพล็อตปกติของหุ้นสายโหดที่มีขาใหญ่รวมตัวกันบิ้วราคาหุ้น “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ ที่เห็นราคาหุ้นโรยตัวลงมาปิดที่ 14.50 บาท ลบไป 2.30 บาท หรือลงไป 13.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 พันล้านบาท เพราะตัวเลขกำไรยังไม่ซับพอร์ตราคาหุ้นบนกระดาน เลยหมดหนทางที่หุ้นจะไปต่อยาว ๆ หรือมองให้เข้าใจง่ายขึ้นมานิดหนึ่งคือ PE เกิน 50 เท่า หุ้นมันจะไปได้อย่างไรล่ะคะ
*คล้ายกับอาการวิตกที่มีต่อหุ้นลูกอ๊อด AOT อันเป็นผลมาจากสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น ย่อมกระทบต่อการฟื้นตัวของบริษัทเต็ม ๆ วานนี้จึงมีแรงขายถล่มออกมาเป็นจำนวนมาก จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 63.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.36 พันล้านบาท พร้อมกับส่งสัญญาณให้ขาประจำรู้ว่า ราคาต่ำกว่านี้มีให้เห็นอีกแน่! เพราะเจ้าโอมิครอนกำลังรอซ้ำดาบสองอยู่น่ะซี
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลือบมองหุ้น BTS อย่างรวดเร็ว เพราะแรงขายที่สาดออกมาเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นโอกาสผงกหัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง มันทำให้รู้ว่า ทุกคนยังกังวลกับสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว ราคาหุ้นถึงร่วงผล็อยลงมาปิดที่ระดับ 9.75 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.08 พันล้านบาท และเป็นการกลับมายืนใกล้ฐานเดิม 9.50 บาท ซึ่งเคยย่ำอยู่กับที่เป็นเวลา 5 เดือนแบบนี้..แปลความได้สถานเดียวว่า ไม่กล้าเล่นนะจ๊ะ
*เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นจอมปั่นกระแสอย่าง NCAP ขึ้นมาทันที เพราะตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นช่วงปลายปี 63 ก็บิ้วอารมณ์กันมาตลอดว่า โตแน่! จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 16 บาท แต่หลังจากนั้นก็แกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในทิศทางอ่อนตัวลงมาเป็นปี จนถึงคิวประกาศงบปี 64 ราคาหุ้นก็ทรุดลงอีกครั้ง จึงตีความได้ทันทีว่า โตต่ำคาด! วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 9.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81 ล้านบาทไงล่ะคะ
*ส่วนรายที่ทำผลงานต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ เลยโดนเทขายมาราธอนเป็นเวลาหนึ่งเดือนอย่างหุ้น RBF ก็เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า นักเล่นคาดหวังสูงกันทั้งนั้น! จึงต้องยอมรับสภาพเมื่อลงมายืนปิดที่ระดับ 16.20 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 119 ล้านบาท แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่า จุดที่ลงมายืนคือระดับที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ทยอยซื้อ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคิดมากหน่อยว่า เอาไงดี?