เส้นทางบริหารหนี้ของ SUPER
หากการแปลงหนี้ระยะสั้นที่ถ่วงรั้งความสามารถทำกำไร และทำให้มีสภาพคล่องที่ฝืดเคืองหมดไป ราคาหุ้นของ SUPER ก็น่าจะพ้นพงหนามได้เสียที
การเสนอหุ้นกู้หรือตราสารหนี้เพื่อเป็นการรีไฟแนนซ์ของหุ้นที่ราคามีเพดานไม่เคยเหนือ 1.00 บาท ทำให้แม้ราคาหุ้นบนกระดานจะยังต่ำกว่า 1 บาทต่อไป แต่กำไรสะสมที่มากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้แนวต้านของราคาของหุ้นสามัญบริษัท SUPER ที่ระดับ 1.00 บาท เป็นกำแพงที่สามารถฝ่าข้ามไปให้ได้
โดยการแปลงหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาวเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ซึ่งน่าจะทำมานานแล้ว บ่งชี้ว่าเดินมาถูกทางแล้ว เนื่องจากมีข้อดีอยู่หลายประการ
แรกสุดจะทำให้เกิดทางสะดวก จากการที่ตัวเลขทำกำไรและรายได้คล่องตัวมากขึ้น
ต่อไปคือ สภาพคล่องทางการเงินที่ค่า current ratio ที่น่าเสียวสยองทำให้เกิดภาวะ “ขนลุกขนพองขึ้นมา” เพราะต่ำมากเพียงแค่ 0.17 เท่า เรียกว่า “ใส่กางเกงตูดขาด” มีอาการ “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ทำให้คำอธิบายเรื่อง ดี/อีที่เกินกว่า 3 เท่า เป็นคำตอบว่าเหตุใดราคาหุ้นจึงต่ำมาก ทั้งที่มีรายได้จากการขายไฟฟ้ามากมายกว่าปีละ 7.5 พันล้านบาท และอัตราความสามารถในการทำกำไรล่าสุด (วัดจากอัตรากำไรสุทธิ) อยู่ที่ระดับ 37% อยู่ในระดับหัวแถวของตลาดหุ้นไทยทีเดียว
บริษัทที่มีหนี้บานท่วมตัวไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นหุ้นที่เจ้าหนี้รักนักหนาและราคาหุ้นไม่เอาไหน จากการที่มีต้นทุนทางการเงินจากการชำระดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้สถาบันการเงินและผู้ถือตราสารหนี้ของบริษัทที่มากถึงวันละประมาณ 2 ล้านบาท สะท้อนว่า หากสามารถบริหารหนี้ได้เก่งจริงราคาหุ้นของ SUPER ที่มีฉายาเรียกว่า “ต้มยำตีนไก่” น่าจะสูงกว่านี้ได้อีกเยอะ
ทางเลือกในช่วงอัตราดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาขึ้น จึงต้องพึ่งพามูลค่าหุ้นต่อไป… หนึ่งในวิธีการนี้คือการแปลงหนี้ระยะสั้นมาเป็นหนี้ระยะยาวดังเช่นกำลังดำเนินการอยู่
เส้นทางนี้อาจจะไม่ได้ทำให้ยอดหนี้ลดลงทันที…แต่ต้นทุนการชำระหนี้จะต้องลดลงจริงจัง
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER ออกมาให้ข่าวเองว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 2 ปี 2565 มูลค่าไม่เกิน 800 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทน 4.90% ต่อปี จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ผ่าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.เอเซีย พลัส และบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ.นี้
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB มุมมอง “Positive” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 64 ซึ่งถือว่ามีส่วนทำให้ต้นทุนการเงินต่ำลงไปมาก และช่วยลดแรงกดดันเรื่องสภาพคล่องทางการเงินจากการมีหนี้ระยะยาวในสัดส่วนเพิ่มขึ้น
การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ SUPER ระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อชำระหุ้นกู้เดิมจำนวน 700 ล้านบาท และที่เหลือจะเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพราะบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีรายได้สม่ำเสมอ
กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นจะช่วยให้ SUPER เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และความสำเร็จในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ประเมินปี 2567 มี EBITDA แตะ 1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นความไฝ่ฝันส่วนตัวของนายจอมทรัพย์ที่ป่าวประกาศซ้ำซากอยู่ทุกครั้ง
ปัจจุบัน SUPER มีพอร์ตโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ดำเนินการแล้วมากกว่า 100 แห่ง กำลังการผลิตรวม 1,586.3 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตในประเทศ 699.6 เมกะวัตต์ และในต่างประเทศ 886.7 เมกะวัตต์ โดยในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 35% จากปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
หากการแปลงหนี้ระยะสั้นที่ถ่วงรั้งความสามารถทำกำไร และทำให้มีสภาพคล่องที่ฝืดเคืองหมดไป ราคาหุ้นของ SUPER ก็น่าจะพ้นพงหนามได้เสียที แล้วข่าวลือเรื่องเจ้าภาพดันหุ้นของนายจอมทรัพย์ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มนายประเดช ก็จะเลือนหายไปกับเกลียวคลื่นของคุณตลาดได้
กว่าจะถึงเวลานั้น คงต้องให้เส้นทางที่ขรุขระหายไปก่อน…ซึ่งก็ไม่ง่ายเช่นกัน