หุ้นฟอร์มตก!

ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงมากสุดวันนี้ ไม่ใช่เรื่องสงคราม แต่เป็นเรื่องผลงานปี 64 ของหุ้นต่าง ๆ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง


*ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงมากสุดวันนี้ ไม่ใช่เรื่องสงคราม แต่เป็นเรื่องผลงานปี 64 ของหุ้นต่าง ๆ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง จึงกลายเป็นเรื่องร้อนที่อยากให้แฟนคลับประเมินกันเอาเองว่า ราคาที่เห็นบนกระดานตอบรับกับผลงานที่ออกมาหรือยัง? รวมทั้งโอกาสที่จะแก้มือเพื่อทำให้ผลงานปี 65 พลิกฟื้นเปิดกว้างขนาดไหน? ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะจะบอกให้

*ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องวอรี่กับการอ่อนตัวของดัชนีมากนัก เพราะท้ายที่สุดดัชนีก็เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,696.45 จุด บวกไป 5.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.76 หมื่นล้านบาท ผสานกับดัชนีประคองตัวได้นานขนาดนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่โอเคมาก ๆ ในภาวะเช่นนี้ เพราะแรงเสียดทานต่าง ๆ ที่เกิดจากสารพันปัญหา มันกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศซวนเซมากกว่าตลาดหุ้นไทยเสียอีก เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับค่อย ๆ มองไปทีละเปราะ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดถี่ขึ้นไงล่ะคะ

*โดยเฉพาะการผ่านช่วงครึ่งทางแรกของไตรมาส 1 ปี 65 ก็มีประเด็นที่ชี้ให้เห็นว่า ยังต้องลุ้นกำไรจะมาตามนัดขนาดไหน? เพราะภาพรวมของเศรษฐกิจยังกระท่อนกระแท่น และไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า หวานเจี๊ยบ? “โมนิก้า” จึงขอไล่ดูหุ้นฟอร์มตกทีละตัวไปพร้อมกัน เพื่อจะได้ประเมินการเข้าลงทุนในจังหวะนี้ “คุ้ม” หรือ “ไม่คุ้ม” กับความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องแบกรับเจ้าค่ะ

*เหมือนกับรายของหุ้นดาวเทียม (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ของปลอม) THCOM ก็ทำผลงานได้อย่างสุดบู่ในสายตามที่คอยตามเชียร์ ผสานกับผลงานในปีก่อน ๆ ก็ออกไปในแนวพลิกกำไร ต่อจากนั้นกำไรก็โต พอคล้อยหลังกำไรก็ลด ถัดมาก็กลายเป็นขาดทุน ซึ่งวนเวียนแบบนี้เป็นนิจสิน “โมนิก้า” ถึงถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 9.95 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41 ล้านบาท น่าสนใจจริงเหรอ!

*ส่วนรายที่ชอบปั่นกระแสเตรียมที่จะคัมแบ็คอย่างหุ้น BLAND ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตที่ทำให้รู้ว่า ตัวเลขขาดทุนเที่ยวนี้ทำให้ราคาหุ้นเสียทรงไปอีกนาน และคนที่เข้าเล่นเที่ยวนี้ต้องใจถึงของจริง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ เพราะเมื่อดูจากสถานการณ์โควิดที่ระบาดหนักรอบใหม่ น่าจะกระทบกับความสามารถในการทำกำไรเต็ม ๆ จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 1.06 บาท บวกไป 0.01 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6 ล้านบาท มันใช่เวลาที่ต้องสนไหม?

*คล้ายกับหุ้นมะเขือเผาอย่าง TASCO ก็มีผลงานที่ออกทะเลไปเยอะเหมือนกัน ซึ่งเห็นได้จากกำไรปี 64 ทรุด 38% และยังมองไม่เห็นโอกาสปั้นกำไรแจ่ม ๆ ในปี 65 “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนแกว่งตัวไปมาที่ระดับ 18 บาทเป็นเวลานานถึง 7 เดือน มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจตรงไหนมิทราบ? รวมทั้งการยืนปิดที่ระดับ 18.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 261 ล้านบาท มันน่าตามไปดูขนาดไหน?..ลองไปคิดกันดูนะนายจ๋า

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นดีแตก DTAC ก็ทำผลงานไม่เข้าตากรรมการเลยพับผ่าซิ! แถมกำไรปีที่ผ่านมาก็ลดฮวบ 35% แต่โชคดีที่ตอนนี้ได้เรื่องเทนเดอร์ฯ ที่ราคาหุ้นละ 47.76 บาท มาค้ำเอาไว้ หุ้นถึงยืนปิดที่ระดับ 47.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 640 ล้านบาทแบบชิล ๆ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องคิดกันต่อไปว่า การเข้าเล่นตรงนี้จะได้อะไรเป็นการตอบแทน เพราะเดี๊ยนมองไม่เห็นความคุ้มค่าเลยพับผ่าสิ!

*เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น CPN เพื่อชี้ให้เห็นการประคองตัวปิดที่ระดับ 57 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 641 ล้านบาท มันคือการแข็งขืนต่อกำไรที่ลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ และตีความได้อย่างเดียวคือ ขึ้นมารอกำไรที่คาดว่าจะดีขึ้นในปีนี้! วานนี้จึงเห็นหุ้นเทรดบน PE 35 เท่าแบบชิล ๆ และคงหาจังหวะถีบตัวขึ้นไปหายอดเก่าแถว 60 บาทในเร็ว ๆ นี้เจ้าค่ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ TKN หลังราคาหุ้นทรุดตัวรับข่าวกำไรลดเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาปั่นกระแสรีเทิร์นกันอีกคำรบ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่บรรดาแมงลือเม้าท์ว่า กำไรจะดีอย่างนั้น..กำไรดีจะดีอย่างนี้ เพราะสุดท้ายก็เป็นเพียงลมปากที่สักแต่จะพูดกันไปเรื่อย ๆ และดูเหมือนราคาหุ้นจะเริ่มตอบรับด้วยการยกฐานสูงขึ้นอย่างช้า ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ 8.25 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 516 ล้านบาท ทั้งที่ปลายเดือนก่อนรูดลงไปทำโลว์ที่ระดับ 6.80 บาทอยู่เลยนะจ๊ะ

Back to top button