หุ้นปันผลเด่น
าดหุ้นตกอยู่ในความตื่นตระหนกต่อสงคราม และพร้อมที่จะสาดหุ้นออกมาอย่างหนักหน่วง “โมนิก้า” เลยหันไปให้ความสำคัญกับหุ้นปันผลมากเป็นพิเศษ
*ในเมื่อตลาดหุ้นตกอยู่ในความตื่นตระหนกต่อสงคราม และพร้อมที่จะสาดหุ้นออกมาอย่างหนักหน่วง “โมนิก้า” เลยหันไปให้ความสำคัญกับหุ้นปันผลมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อดูจากราคาหุ้นที่โดนทิ้งลงมาหนัก อันเป็นผลมาจากความกังวลดังกล่าว มันทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดูดีขึ้นเป็นกอง ผสานกับราคาที่เห็น ณ ตอนนี้ก็ต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์ให้ไว้ถึง 20% จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการซื้อหุ้นเที่ยวนี้นะจ๊ะ
*งานนี้หากให้ “โมนิก้า” พูดตรง ๆ ก็คือ ป๊อกสองเด้ง! เพราะต่อแรกที่ได้คือปันผล ส่วนต่อที่สองคือกำไรจากราคาหุ้น ซึ่งเปรียบได้กับคำพังเพยที่ว่า “วิกฤติคือโอกาส” ไม่มีผิดเพี้ยน เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับลองไล่เรียงข้อมูลที่เล่าให้ฟังเป็นฉาก ๆ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน มันตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขนาดไหน? และข้อมูลชุดดังกล่าวสามารถเอาไปประกอบการลงทุนได้จริงไหม?..ลองทักทายกันมาได้นะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เดี๊ยนไม่วอรี่กับการแกว่งตัวของดัชนีมากนัก (หากไม่ใช่พวกเดย์เทรด) เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ตั้งแต่ต้น รวมถึงท่าทีของผู้สันทัดกรณีระหว่างประเทศก็เม้าท์ตรงกันว่า สงครามเที่ยวนี้ไม่ยืดเยื้อ ดัชนีทั่วโลกจึงพร้อมใจกันเด้งกลับ ขณะที่ดัชนีของไทยก็ยืนปิดในระดับ 1,679.90 จุด บวกไป 17.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.77 หมื่นล้านบาทแบบสบาย ๆ พะยะค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องเอ่ยถึงน้องท็อป TOP เป็นรายแรกในทันที เพราะเมื่อดูจากเงินปันผลในระดับ 3.70% เทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 53.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 831 ล้านบาท เทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ย่ำฐานบริเวณ 52 บาทร่วมสองเดือน แถมเมื่อดูจากค่า PE 8.60 เท่า ก็ทำให้เชื่อว่า ความเสี่ยงในการเข้าลงทุนน้อยมาก ๆ จ้า
*เช่นเดียวกับในรายของ PTTGC ก็มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 3.20% ผสานกับค่า PE ก็อยู่ในระดับ 5.50 เท่า จึงกลายเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” รู้สึกชอบมากในแง่ของดาวไซด์จำกัด เมื่อนำมาผนวกกับการไหลลงของหุ้นเป็นเวลานาน จนล่าสุดเริ่มตั้งลำได้ที่บริเวณ 54 บาท จึงกลายเป็นช็อตที่ทำให้ราคาปิดที่ 55 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.06 พันล้านบาท น่าซื้อขึ้นมาทันทีเจ้าค่ะ
*ส่วนตัวที่จี๊ดสุดเที่ยวนี้กลายเป็นหุ้น BCP หลังเดินหน้าขึ้นอย่างเดียวนับตั้งแต่ต้นปี จากราคาค่าตัวที่อยู่แถว 25 บาท มาวันนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 31.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 370 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบน PE 5.60 เท่า พ่วงด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 3.15% จึงกลายเป็นหุ้นที่ดูแล้วฟินมาก ๆ เพราะเคยเห็นราคาหุ้นขึ้นไปยืนแถว 36 บาทมาแล้ว (ก่อนเกิดโควิด)..จำได้ไหมเอ่ย?
*นอกจากนี้ยังอยากให้ส่องกล้องมองไปที่หุ้นนอกกระแสอย่าง WFX กันสักหน่อย เพราะกลายเป็นหุ้นที่ติดโผ “ปันผลดี ราคาน่าเล่น” ขึ้นมาในลำดับต้น ๆ ผสานกับอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ในระดับ 2.90% จึงทำให้ราคาปิดที่ระดับ 8.15 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65 ล้านบาท น่าตามไปดูสุด ๆ หรือแม้กระทั่งค่า PE ที่ระดับ 10.50 เท่า ก็เป็นจุดไคลแมกซ์สำหรับสายแวลูนะจะบอกให้
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น DOHOME ซึ่งจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบแบบละลานตา ทั้งในส่วนของการปันผลเป็น “หุ้น” พ่วงด้วย “เงินสด” มันเป็นช็อตที่ทำให้ผู้ถือหุ้นสุขเหลือล้น ผสานกับกูรูส่วนใหญ่มองการเติบโตในปี 65 จะเด่นชัดขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เดี๊ยนจึงมั่นใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 23.40 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 354 ล้านบาท เล่นได้ไงหล่ะค่ะ
*ตบท้ายกันที่หุ้นปันผลเหนือความคาดหมายอย่าง AIE กันสักหน่อย เพราะหลังประกาศจ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นก็กระชากขึ้นแรงทันที “โมนิก้า” เลยเข้าใจว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากอัตราเงินปันผลตอบแทนเที่ยวนี้เกิน 5% จึงมีคนเข้ามาช้อนหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมาตลอดเวลา ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 4.64 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35 ล้านบาท น่าสนใจสำหรับคนที่เน้นลงทุนยาวเพื่อกินปันผลเจ้าค่ะ
โมนิก้าและทีมงาน