ทุบหุ้นเรียงตัว

หลังจากเม้าท์ถึง “หุ้นนิวไฮ สวนกระแส” ไปเมื่อวันก่อน วันนี้ก็เป็นคิวของ “ทุบหุ้นเพราะกลัว?” เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นภาพหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ตอนนี้มีชะตากรรมอย่างไรบ้าง?


*หลังจากเม้าท์ถึง “หุ้นนิวไฮ สวนกระแส” ไปเมื่อวันก่อน วันนี้ก็เป็นคิวของ “ทุบหุ้นเพราะกลัว?” เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นภาพหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ตอนนี้มีชะตากรรมอย่างไรบ้าง? หลังราคาหุ้นร่วงลงแบบเบรกแตก จนนักเล่นร้องกันเสียงหลง พร้อมกับมีคำแนะนำให้ “ตัดขาดทุน” ไปได้เลยแบบนี้ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเตือนคนที่ช้อนหุ้นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงไว้บ้างนะคะ

*เนื่องจากนักลงทุนหลายรายไม่อยากถือหุ้นข้ามสัปดาห์ในภาวะผันผวน จึงสันนิษฐานว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญแรงขายอีกรอบ หลังวานนี้ดัชนีพุ่งขึ้นไปยืนถึงระดับ 1,705.50 จุด แต่สุดท้ายโดนรินขายออกมาเรื่อย ๆ จนลงมายืนปิดที่ระดับ 1,696.08 จุด เหลือบวก 6.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 แสนล้านบาท ก็เป็นสถานการณ์ที่ทำให้รู้ว่า จังหวะนี้ยังไม่มีใครกล้าลุยแบบสุดซอย เลยใช้วิธีซื้อเมื่ออ่อนตัวกันเป็นแถวไงล่ะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้น SCGP ขึ้นมาในลำดับแรก ๆ เพราะแรงขายที่ออกมาในช่วง 2 สัปดาห์ทำให้หุ้นเสียทรงอย่างน่าเสียดาย ยิ่งสองวันที่ผ่านมาโดนกดหนัก ๆ ชนิดโงหัวไม่ขึ้น ยิ่งทำให้รู้ในทันทีว่า ต้องมีซัมติงรองเกิดขึ้นแล้วแน่ วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 56.75 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.09 พันล้านบาท พร้อมกับหลุดแนวรับสำคัญที่บริเวณ 60 บาทลงมาแบบนี้..กองทุนไม่เล่นชัวร์!

*เช่นเดียวกับในรายของ GPSC ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ หลังกองทุนตั้งป้อมรินหุ้นออกมาเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ๆ จนไม่กี่วันมานี้ก็โดนสาดทิ้งแบบไม่ดูดำดูดี จนสุดท้ายหุ้นลงมายืนปิดอยู่ที่ 70.75 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.09 พันล้านบาท ก็รู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นผลกระทบจากต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรไตรมาส 1 ปี 65 ทรุดฮวบแบบน่าใจหายน่ะซี

*สถานการณ์ดังกล่าวกระทบชิ่งไปยังหุ้น BGRIM แบบเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ทั้งที่ปี 64 ก็สามารถทำผลงานดีในระดับหนึ่ง แต่ทันทีที่มีเรื่องต้นทุนเข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงต้นปี 65 ราคาหุ้นก็อ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้เห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 34 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 318 ล้านบาท “โมนิก้า” คงบอกได้แค่ว่า รออีกนิดแล้วค่อยซื้อดีกว่า! เพราะปัจจัยภายนอกมันควบคุมไม่ได้ไงล่ะคะ

*หุ้นอีกรายที่ตกอยู่ในภาวะโดนจัดหนักเป็นช่วง ๆ อย่างหุ้น CK จนหุ้นอยู่ในลักษณะเริ่มเสียศูนย์แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องคิดหนัก โดยเฉพาะในยามที่กองทุนทุบลูกเดียว มันเป็นเกมเสี่ยงเกินไปที่จะเข้าเล่นในจังหวะนี้ เพราะการลงมาปิดที่ระดับ 20.20 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167 ล้านบาท มันสุ่มเสี่ยงต่อการหลุดฐานที่มั่นบริเวณ 20 บาทมากเหลือเกิน..ยกเว้นผู้เล่นต้องการวัดใจ นี่คือจุดที่เหมาะต่อการลุยเจ้าค่ะ

*เรื่องข้างต้นสอดคล้องกับการขยับตัวของหุ้น KTC ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะโมเมนตัมของหุ้นกำลังไหลลงมาเรื่อย ๆ และมีจุดพักตัวที่บริเวณ 60 บาทพอดี ผนวกกับกองทุนไม่ให้ราคาเหมือนแต่ก่อน “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 63 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 196 ล้านบาท ใช่จุดที่ต้องเข้าไปเล่นกับเผือกร้อนหรือเปล่า? เพราะกระแสของหุ้นบัตรเครดิตไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อปี 63 น่ะซี

*ส่วนรายที่ลุ้นไม่ขึ้นสักทีอย่างหุ้น STA ก็กลายเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงเป็นประจำ เพราะเป็นหุ้นที่โดนพวกขาใหญ่จัดหนักเป็นประจำ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 26 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท คือก้นเหวของการเล่นเที่ยวนี้อะป่าว?..ถ้าให้ชัวร์ขึ้นมาอีกหน่อย คงมองไปยังฐานเก่าที่เล่นกันบ่อยเมื่อปี 63 ตรงบริเวณ 25 บาทนะคะ

*อีกรายที่โดนขาใหญ่ทุบเละ และน่าจะเละขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเหล็ก ZIGA หลังมีเสียงร่ำลือนายทุนใหญ่ขนเงินมาปั่นหุ้นปุ๊บ ต่อจากนั้นก็ขายเกลี้ยงปั๊บ เพราะเกมนี้มีเดิมพันอยู่ที่ปลายไตรมาส 2 ซึ่งจะชี้ชัดว่า เหมืองขุดเวิร์คไหม? จึงไม่ต้องแปลกใจที่หุ้นจะโดนทุบไปอีกนาน และการลงมายืนปิดที่ 815 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 197 ล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องทุกประการ แมงเม่าที่ออกของทันฝากบอกมา..อิอิอิ

*ตบท้ายที่เรื่อง “อุจจาระไม่ให้สุนัขรับประทาน” กันสักหน่อย เพราะการที่ “พีโอวี” (บ.ย่อยของ วีจีไอ) ประกาศซื้อ PP หุ้น NINE ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท ก็มีเสียงเม้าท์กันให้แซ่ดว่า นี่เป็นเกมถอนทุนแบบทบต้นทบดอกของใครบางคน? เพราะหลังจากกระบวนการเพิ่มทุนเสร็จสรรพ พีโอวีมีหน้าที่ต้องทำเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลืออยู่ในตลาด ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ “สีลมโรด” สามารถขายหุ้นที่ถืออยู่ 175 ล้านหุ้นสบายใจเฉิบ (ต้นทุน 1.40)..งานนี้จริงเท็จประการใด เฮีย.ค น่าจะรู้ดีสุด เพราะเดี๊ยนก็ฟังเขาเม้าท์แตกมาอีกทีนะจ๊ะ

Back to top button