กองทุนเก็บหุ้น!

หลังจากหุ้นไทยโดนสาดหุ้นทิ้งอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้เวลากองทุนเข้ามาไล่เก็บหุ้นรอบใหม่ หลังสถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มคลี่คลาย


*หลังจากหุ้นไทยโดนสาดหุ้นทิ้งอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้เวลากองทุนเข้ามาไล่เก็บหุ้นรอบใหม่ หลังสถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มคลี่คลาย ผนวกกับวันก่อนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ทะยานกลับอย่างร้อนแรง จึงกลายเป็นตัวเร่งให้นักเล่นทุกกลุ่มกระโจนใส่อย่างเมามัน พร้อมกับจุดประกายความหวังที่จะได้เห็นดัชนีขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุดอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ไงล่ะคะ

*สถานการณ์ตรงนี้ส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยพลิกกลับอย่างรวดเร็ว และทำให้หุ้นบลูชิพกลายเป็นตัวเลือกลำดับแรกที่กองทุนลุย (วันก่อนซื้อ 5 พันล้าน วันนี้ซื้อเกือบ 2 พันล้าน) วานนี้ถึงเห็นดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,647.08 จุด บวกไป 3.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 แสนล้านบาทแบบชิล ๆ พร้อมกับมีการพูดถึงอัพไซด์ของหุ้นเหล่านั้นเกิน 20% จึงกลายเป็นช็อตที่ทำให้ขาเผือกอย่างอีฉันต้องกระโจนเข้ามาร่วมวงกับเขาด้วยคนเจ้าค่ะ

*ถึงกระนั้นก็อยากให้แฟนคลับคอยชำเลืองมองอิทธิพลต่างประเทศควบคู่กันไปด้วย เพราะสถานการณ์ยังไม่สะเด็ดน้ำเท่าที่ควร จึงน่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นประปราย ซึ่งจะกระทบโดยตรงกับตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเคาะสั้น ๆ เพื่อเปิดทางหนีทีไล่ให้กับตัวเอง เพราะเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หลังอันธพาลโลกอย่างอเมริกายังแสดงความกร่างให้เห็นตลอดเวลาน่ะซี

*รายแรกที่ทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงสุด ๆ คงมองไปยังน้อง TOP หลังราคาหุ้นเปิดกระโดดสองวันติด ๆ จนกลายเป็นหุ้นที่ฟื้นตัวเร็วสุดในตลาดฯ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 52.75 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.58 พันล้านบาท มันคือการกลับขึ้นมายืนที่เดิมเมื่อครั้ง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ยังไม่ยิงกัน ผนวกกับเคยเห็นหุ้นวิ่งขึ้นไปบุ๊กแวลูอยู่ที่ 59 บาทมาแล้วครั้งหนึ่ง เดี๊ยนถึงเชื่อว่า ราคาแถวนี้กองทุนน่าจะลุยต่อนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับอาการของหุ้น BGRIM ซึ่งโดนทุบจนราคาทำนิวโลว์ในรอบ 2 ปี น่าจะเป็นจุดที่ชี้ให้เห็นว่า แรงขายไม้หนัก ๆ เริ่มหมดแล้วแน่ ๆ และการขึ้นมาปิดที่ระดับ 32.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท คือระดับที่ค่อนข้างเซฟโซนเมื่อคิดถึงการทยอยซื้อสะสม เพราะนี้เป็นหนึ่งในหุ้นที่กองทุนมักย้อนมาซื้อ เมื่อราคาหุ้นตอบรับกับข่าวร้ายไปเกือบหมดนะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้นตัวท็อปของตลาดอย่าง JMT ในทันที เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่เห็นกันจะแจ้งว่า “กองทุนบัวหลวง” ควักเงินกว่า 350 ล้านบาทเพื่อเก็บหุ้นเพิ่ม ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า นี่คือเจ้าพ่อตามหนี้ของประเทศไทยตัวจริง บรรดากองทุนถึงเข้ามาไล่ซื้อหุ้นเป็นช่วง ๆ และการยืนปิดที่ระดับ 66 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 682 ล้านบาท จึงเป็นโอกาสซื้อของดีราคาถูกพะยะค่ะ

*ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นตัวเป้าของกองทุนเป็นหลัก KKP ย่อมเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะมองในมุมของ ROE ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และการเทรดบนค่า PE 9 เท่า หรือแม้กระทั่งราคาหุ้นทรุดตัวลงตามภาวะตลาดมากเกินไป ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้เชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 66.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 250 ล้านบาท มันคือจังหวะของการซื้อสวนเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่เหมาะต่อการเล่นรอบอย่างหุ้น SIRI ก็เป็นช็อตเด็ดที่ขาประจำไม่ควรพลาด เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า กรอบการวิ่งของหุ้นอยู่ในระดับ 1.20-1.40 บาทเป็นเวลาร่วมครึ่งปี “โมนิก้า” เลยเดาว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.23 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท มันคือไฟต์บังคับที่คนใจกล้าต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง! งานนี้จริงเท็จอย่างไร..สัปดาห์เดียวรู้ผลนะนายจ๋า!

*คล้ายกับกรณีของหุ้นปลากระป๋อง TU ถูกรินขายเป็นเวลาร่วมเดือน จนเกิดอาการเสียทรงอย่างหนัก และกำลังอยู่ในช่วงของการแกว่งตัวหาฐาน เพื่อทะยานขึ้นรอบใหม่อย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องประเมินความเสี่ยงกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 18.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 473 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 12 เท่า เหมาะต่อการเล่นไหม?..อิอิอิ

Back to top button