หุ้นเล็ก แต่ใจใหญ่มากกกกก

BROOK ประกาศกำไรงวดปี 2564 เติบโตจากปีก่อนถึง 4 เท่าตัว แตะ 347 ลบ. รับรายได้ขาย-บริการพุ่ง แจกปันผลหุ้นในอัตราส่วน 1 หุ้นต่อหุ้นเดิม 10 หุ้น


BROOK หรือ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศกำไรงวดปี 2564 เติบโตจากปีก่อนถึง 4 เท่าตัว แตะ 347 ลบ. รับรายได้ขาย-บริการพุ่ง แจกปันผลหุ้นในอัตราส่วน 1 หุ้นต่อหุ้นเดิม 10 หุ้น พร้อมเงินสดไว้ให้เสียภาษี ถือเป็นหุ้นขนาดเล็กแต่จิตใจของกรรมการที่นำโดย มา ชาน ลี หรือนายชาญ บูลกุล ว่าใหญ่มากเพียงใด

หลังจากหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เราจึงได้เห็นราคาหุ้นและ W-5, W-6 กับ W-7 เริ่มขยับตัวตามสัญญาณเทคนิคในฐานะหุ้นเก็งกำไรขาประจำที่เหนียวแน่นกันต่อไปอย่างเมามันตามระเบียบ

กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นสวนทางและกระแสของโควิด-19 จากการเข้าเล่นเก็งกำไรในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (หรือคริปโต) ทำให้ BROOK มีราคาวิ่งขึ้นอย่างรุนแรงของราคาหุ้นและวอร์แรนต์ หลังจากการเพิ่มทุนเมื่อต้นปีนี้อย่างหนักกว่า 200%   ถือเป็นปรากฏการณ์พิเศษ เพราะเพิ่มทุนแล้วมีกำไรมหาศาล ทั้งกำไรสุทธิและกำไรต่ออหุ้น

เมื่อต้นปีก่อน BROOK ได้ประกาศแผนการเพิ่มทุนครั้งใหญ่เพื่อนำเงินไปลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเก็งกำไร ที่ “เสี่ยงสูง และกำไรสูง” อันเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน

ผลพวงจากการเพิ่มทุนด้วยการออกวอร์แรนต์อีก 2 รายการอันเป็นวอร์แรนต์ที่ 6 และ 7 เพราะคำอธิบายว่าการเคลื่อนตัวจากจากธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ มาสู่ธุรกิจใหม่ ที่เพียงแค่ชื่อของประธานที่ผู้บริหารสูงสุดที่ชื่อนายชาญ บูลกุล ซึ่งเคยเลื่องชื่อด้านการเป็น เซียนเหยียบเมฆทางการเงิน “อันยาวนานในฉายาที่รู้จักกันดีคือ มา ชาน ลี” อันโด่งดังในอดีตนั้นเอง

แล้วไม่กี่เดือนหลังจากการเพิ่มทุนอันมากมายผ่านไป ผลงานในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของ BROOK ก็ผลิดอกออกผลทันควัน แสดงให้เห็นถึงการ เล่นเกมตลาดเก็งกำไรที่ช่ำชองเกินคาด

ผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในไตรมาสที่ตลอดทั้งปี 2564 มีกำไรสุทธิ 374  ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ต่ำเตี้ย โดยอ้างถึงสั้น ๆ ว่าการปรับเพิ่มของกำไรสุทธิ มาจากความสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายลดลงและกำไรจากมูลค่าสินค้าคงเหลือ (ที่ยังมีหน่วยสินทรัพย์ดิจิทัลคงค้างในมืออีกที่ยังไม่ได้ขายออกไป สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล)

กำไรที่เกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปของการลงทุนใน Bitcoin, Ethereum, BNB โทเคน และอื่น ๆ ผ่านตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน 2 แห่ง โดยแห่งแรกจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น NASDAQ และอีกแห่งเป็นตลาดซื้อขาย Cryptocurrencies Exchanges ที่ใหญ่ที่สุดด้วยการวัดจากมูลค่าการซื้อขาย

ขณะที่ผลงานการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีรายได้รวม 676.20 ล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 132.10 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 411.88% โดยการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้สาเหตุหลักมาจากบางโครงการของฝ่ายที่ปรึกษาด้านธุรกิจได้เสร็จสมบูรณ์ และรายได้อื่นจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นถึง 136 ล้านบาท

นอกจากนั้น ในเดือนธันวาคม 2564 ผู้บริหารอย่างนายวริศ บูลกุล ออกมาประกาศข่าวเรียกประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญเร็วกว่ากำหนดเพื่อขอมติ เกี่ยวกับแผนของผู้บริหารในการเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาแผนบริหาร Digital Asset Treasury Fund Program

การปรับแผนที่ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นครั้งใหม่นี้ เกิดจากการทุ่มเงินเม็ดใหม่ที่มากกว่าแผนเดิมที่ถูกยกเลิกไปในการลงทุนสเตเบิลคอยน์ผ่าน Zipmex มูลค่าไม่เกิน 150 ล้านบาท ด้วยการนำเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาแผนการลงทุนในอนาคต เป็นการจัดสรรการลงทุนใหม่ (Reallocation) อีกเป็นไม่เกิน 2,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งอยู่ในรูปสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลโดยจะนำดอกผลที่ได้จากเม็ดเงินลงทุนและกำไรที่เกิดจากการปรับตัวขึ้นของเหรียญที่ได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินเดิมมาใช้ในการ Reallocation ด้วย ซึ่งจะเรียกว่า ‘Digital Asset Treasury Fund Program’

นั่นหมายความว่างบงวดสิ้นปี 2564 ยังไม่ทราบว่าผลลัพธ์ของการลงทุนระลอกใหม่ของ BROOK จะออกหัวหรือก้อย แต่ถ้าประเมินความช่ำชองของเกมในตลาดเก็งกำไรแล้ว ไตรมาสแรกของปีนี้ที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนมีนาคมและมีการรายงานผลในราวปลายเดือน เมษายน- ต้นเดือน พฤษภาคม ก็คงจะรู้ว่า การลงทุนระลอกใหม่ที่เพิ่มเติมจากปีก่อนถึงกว่า 5-6 เท่า จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง

ถ้าหากไม่มีปาฏิหาริย์ใด ๆ แผนลงทุนเสี่ยงใหม่ของบอร์ด BROOK น่าจะผ่านฉลุย และจะกำไรมากขึ้นหรือเสี่ยงมากขึ้น

ระหว่างรอผลลัพธ์จากไตรมาสนี้ที่ยังไม่ได้ปิดงบ ก็คงต้องรับเงินปันผลในรูปหุ้นและเงินสดไปพลาง ๆ ก่อน ส่วนผลการลงทุนในระลอกใหม่ที่มีหน้าตักมากกว่าเดิมนั้น หากได้กำไรก็คงคาดหวังว่าจะต้องมากกว่าปีก่อนแน่นอน แต่หากเป็นผลลัพธ์ตรงกันข้ามเพราะฟองสบู่โทเคนจะบังเอิญแตกเสียก่อน ก็คงจะหงายหลังไปตาม ๆ กัน เพราะในตลาดดังกล่าว ถือเป็นตลาด no man’s land ที่มีความเสี่ยงสูงและกำไรสูง

รักจะเสี่ยงก็ต้องทำใจ อย่าทำเหนียมเหมือนอีสาวบ้านนาที่ “ทับไม่ร้อง ตอนท้องจะให้รับ” ไม่ได้นะครับ…

อิ อิ อิ

Back to top button