พีอี 19 เท่า..หุ้นขึ้นแน่

สัปดาห์ก่อน ๆ “โมนิก้า” ได้หยิบยกสถิติสำคัญมาเล่าให้แฟนคลับอ่านกันแบบจุใจไปแล้ว ก็ถึงเวลาลงลึกไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีผลต่อการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้ากันบ้างดีกว่า


*สัปดาห์ก่อน ๆ “โมนิก้า” ได้หยิบยกสถิติสำคัญมาเล่าให้แฟนคลับอ่านกันแบบจุใจไปแล้ว ก็ถึงเวลาลงลึกไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีผลต่อการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้ากันบ้างดีกว่า! และสถิติที่น่าสนใจมากสุดก็คือ PE ตลาด เพราะเป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนได้เรียนรู้ว่า เราอยู่ตรงจุดไหนของเรื่อง? และยังเป็นการประเมิน “ผลได้ ผลเสีย” ของการซื้อหุ้นรอบนี้อีกด้วย จึงอยากให้แฟนคลับสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษไงล่ะคะ

*โดยเฉพาะประเด็นของพีอีหุ้นไทยที่อยู่ในระดับ 19 เท่า ถือเป็นจุดคลายแม็กที่ทำให้การลงทุนเที่ยวนี้เบาใจไปเปราะหนึ่ง เพราะเมื่อเปรียบเทียบการเติบโตของกำไรทั้งตลาดหุ้นปี 65 จะอยู่ราว ๆ 10-15% ก็จะทำให้ค่าพีอี ณ สิ้นปีลดลงมาอยู่ในระดับ 16-17 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวได้อย่างสบายใจ และทำให้หุ้นบลูชิพน่าซื้อสุด ๆ เมื่อย่อตัวลงแรงเกินเหตุนะคะ

*เนื่องจากทฤษฎีที่ร่ำเรียนมาหลายสิบปีพูดตรงกันว่า พีอีในระดับ 15 เท่าถือเป็นจุดที่มีความเสี่ยงต่ำ และเมื่อใดที่มีเรื่อง growth เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ทำให้การเทรดบนพีอีในระดับ 20 เท่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ “โมนิก้า” จึงไม่กังวลเมื่อเห็นดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,660.15 จุด บวกไปแค่ 2.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.52 หมื่นล้านบาท เพราะผู้ประกอบการหลายรายพูดตรงกันว่า ปีนี้น่าจะทำผลงานได้ดีกว่าปีที่ผ่านมาเจ้าค่ะ

*ตัวเด่นที่น่าสนใจเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ยังมองไปที่หุ้นโรงหมออย่าง BDMS อีกเช่นเคย เพราะเมื่อดูจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ กลายเป็นตัวแปรที่ทำให้เชื่อว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 25.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.55 พันล้านบาท เหมาะต่อการเล่นยาว ๆ เพราะเคยเห็นกันมาแล้วว่า กำไรต่อหุ้นปี 62 เคยขึ้นไปเกือบ 1 บาทน่ะซี

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น PTT ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะดูจากการเทรดบนค่า PE 10 เท่า ทั้งที่สถานการณ์ทางธุรกิจดีขึ้นต่อเนื่อง และโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าสูงกว่านี้เยอะ “โมนิก้า” ถึงมองการปิดที่ระดับ 39.50บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 975 ล้านบาท น่าเล่นอย่าบอกใครเชียว! ผนวกกับต่างชาติยังเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นไทยเป็นระยะ จึงไม่ต้องกังวลกับอาการฮาร์ดแลนดิ้งหรอกนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่เนื้อหอมขึ้นทุกวันอย่าง TRUBB กลายเป็นหุ้นที่รายย่อยกระโจนใส่กันอย่างสนุกสนาน หลังราคายางปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ วานนี้จึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 3.74 บาท บวกไป 0.36 บาท หรือขึ้นไป 10.65 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 291 ล้านบาท “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับจับตาผลประกอบการไตรมาส 1 จะออกมาปังขนาดไหน? เพราะจะเป็นเครื่องการันตีราคาหุ้นจะได้ไปต่อไหม?...ในระหว่างนี้จึงต้องเคาะสั้น ๆ ดูเชิงกันไปก่อนจ้า

*อีกรายที่น่าจับตาก็คือ ILM เพราะกำลังอยู่ในฟอร์มดีต่อเนื่อง จนมีโอกาสปั๊มกำไรโตไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้โบรกเกอร์ต่าง ๆ อัพเป้าขึ้นไปอีก “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นไปปิดที่ระดับ 21.20 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 9.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 94 ล้านบาท ก็เป็นจังหวะที่ไหลตามน้ำได้สบาย ๆ เพราะการเทรดบน PE 20 เท่า ท่ามกลางการเติบโตตัวเลขสองหลัก มันคือการการันตีว่า หุ้นตัวนี้น่าลงทุนเจ้าค่ะ

*สำหรับคนที่คิดจะเล่นสั้น ๆ โดยอาศัยการเติบโตเป็นที่ตั้ง ผสานกับหุ้นเทรดบนพีอีไม่สูงจนเกินไป “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้นถุงแกง TPLAS เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิด 3.86 บาท บวกไป 0.66 บาท หรือขึ้นไป 20.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 692 ล้านบาท เป็นการวิ่งตามข่าวปีนี้โตอย่างต่ำ 10% ผนวกกับเที่ยวก่อนลากขึ้นไปถึงราคา 5.50 บาท จึงกลายเป็นช็อตวัดความไวของแต่ละคนนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น DITTO เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 42.75 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 7.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 237 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time high แบบชิล ๆ และยังเป็นการเทรดบน PE 90 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินไปสำหรับหุ้นทั่วไป แต่เผอิญหุ้นมีสตอรี่โกรทเข้ามาเป็นแบ็คอัพ รวมทั้งมีขาใหญ่คอยทำหน้าที่ดูแลราคาหุ้น จึงกลายเป็นหุ้นที่ “โนสน โนแคร์” ตลาดหุ้นไปโดยปริยายนะจะบอกให้

Back to top button