MAJOR นักแสวงหา.!?
การเข้าลงทุนใน WORK เพิ่มครั้งนี้ อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของ MAJOR ได้ไม่มากก็น้อย...ว่าป่ะละ
แหม๊..!! เพิ่งแจ้งเข้าลงทุนในบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ของ “ต๊อบ” – อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ไปหยก ๆ หย่อน ๆ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน สำหรับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ด้วยการซื้อหุ้นจำนวน 69 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 8.2565 บาท คิดเป็นมูลค่า 569.69 ล้านบาท
ซึ่งส่งผลให้ MAJOR ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ TKN ในสัดส่วน 5% ทันที..!!
ผ่านมาไม่ทันข้ามสัปดาห์ MAJOR ก็แจ้งเข้าลงทุนในบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK อีกแล้ว โดยเป็นการทยอยซื้อหุ้นในกระดานจำนวน 22.10 ล้านหุ้น หรือกว่า 5% ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 23.66 บาท คิดเป็นมูลค่า 522.88 ล้านบาท
ที่จริง MAJOR ก็เป็นผู้ถือหุ้น WORK อันดับ 3 อยู่แล้ว ในสัดส่วน 4.22% ดังนั้น การเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 9.22%
เท่ากับว่า 2 ธุรกรรมนี้ MAJOR ใช้เงินลงทุนไปแล้วราว 1,092.57 ล้านบาท..!!
ก็น่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการขายหุ้นบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF นั่นแหละ ซึ่งหลังจากนำไปใช้หนี้แล้ว ก็คงนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการไปแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เข้าไปลงทุนในบริษัทต่าง ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากวิกฤตโควิด
โดยกรณีการเข้าลงทุนใน TKN นั้น… MAJOR มีเป้าหมายต้องการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายป๊อปคอร์นสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดพัฒนาสินค้าร่วมกัน ซึ่งสินค้ากลุ่มป๊อปคอร์น น้ำดื่ม และขนมขบเคี้ยว ถือเป็นเรือธงอีกลำหนึ่งของ MAJOR เนื่องจากมีมาร์จิ้นสูงถึง 68% ในขณะที่การขายตั๋วหนังมาร์จิ้นประมาณ 12% เท่านั้น โดยก่อนหน้าที่จะเกิดโควิด สินค้ากลุ่มนี้เคยสร้างรายได้ให้กับ MAJOR ปีละกว่า 2,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ดังนั้น ก็เมคเซ้นส์อยู่นะ กับการที่ MAJOR เข้ามาลงทุนใน TKN…
ส่วนกรณีลงทุนใน WORK ก็เพื่อเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงด้านการผลิตคอนเทนต์มากขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างโอกาสในการลงทุนและการพัฒนากระบวนการดำเนินงานร่วมกัน
อย่าลืมว่า WORK ซึ่งมี “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” เป็นแม่ทัพ เป็นช่องทีวีดิจิทัลที่ผลิตคอนเทนต์ได้ค่อนข้างโดนใจคนดู โดยเฉพาะรายการเกมโชว์ ที่กระแสตอบรับค่อนข้างดี…ก็เป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน เราคงได้เห็นทั้งคู่หันมาสร้างหนัง หรือเกมโชว์ ร่วมกันก็ได้…
ในขณะที่ช่วงที่ผ่านมา แม้อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลค่อนข้างซบเซา แต่ถ้าดูจากผลงานของ WORK ยังประคองตัวได้ดี…ปี 2561 มีรายได้รวม 3,640 ล้านบาท กำไรสุทธิ 345 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 2,835 ล้านบาท กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 2,336 ล้านบาท กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้รวม 2,312 ล้านบาท กำไรสุทธิ 324 ล้านบาท
ทำให้การเข้าลงทุนใน WORK เพิ่มครั้งนี้ อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของ MAJOR ได้ไม่มากก็น้อย…ว่าป่ะละ
แต่จะว่าไปปี 2565 เพิ่งผ่านมายังไม่ครบ 3 เดือนเสียด้วยซ้ำ…MAJOR จากเจ้าพ่อโรงหนังกำลังเปลี่ยนบทบาทเป็นนักแสวงหา (การลงทุน) ไปซะแล้ว…
ก็น่าจับตาว่า หลังจากนี้ MAJOR จะไปแสวงหาบริษัทไหนเข้ามาเติมในพอร์ตอีกบ้าง..?
ก็เข้าใจอ่ะนะว่า…“เพราะยังเป็นหนุ่ม จะงอมืองอเท้ารอคอยทนไม่ไหว จึงต้องไปเป็นหนุ่มนักแสวงหา
หาทางให้ได้ดี”…
…อิ อิ อิ…