เข้าโหมดซึม
*วานนี้ตลาดหุ้นไทยเข้าโหมดชะลอตัว แกว่งในกรอบแคบบริเวณ 1,671-1,685 จุด ตามตลาดภูมิภาคเอเชีย เหตุไร้ปัจจัยบวก หรือ ลบ ชัดเจน และยังต้องจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อตลาดหุ้น พร้อมกระทบวงกว้างทั่วโลก โดยเฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถึงแม้หลายฝ่ายให้รีบเร่งเดินหน้าเจรจาข้อตกลงเร็ววัน งานนี้ “โมนิก้า” มองว่าข้อยุติยังไม่เกิดในระยะสั้นนี้พระเจ้าค่ะ
*วานนี้ตลาดหุ้นไทยเข้าโหมดชะลอตัว แกว่งในกรอบแคบบริเวณ 1,671-1,685 จุด ตามตลาดภูมิภาคเอเชีย เหตุไร้ปัจจัยบวก หรือ ลบ ชัดเจน และยังต้องจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อตลาดหุ้น พร้อมกระทบวงกว้างทั่วโลก โดยเฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถึงแม้หลายฝ่ายให้รีบเร่งเดินหน้าเจรจาข้อตกลงเร็ววัน งานนี้ “โมนิก้า” มองว่าข้อยุติยังไม่เกิดในระยะสั้นนี้พระเจ้าค่ะ
*สำหรับสงครามยังไม่จบ…อย่าเพิ่งนับศพทหาร!!! เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยังชะล่าใจไม่ได้เดี๊ยนมั่นใจ และพูดได้เต็มปาก เป็นเพียงเข้าโหมดซึมตัวชั่วคราว หลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงช่วงก่อนหน้าเท่านั้น ที่สำคัญยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ทั้งนี้ทำให้ดัชนีลงมาปิดอยู่ที่ระดับ 1,673.87 จุด ลบไป 4.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.37 หมื่นล้านบาท นับว่าเป็นบรรยากาศของการกดปุ่มเซตเกมใหม่ รอเล่นต่อรอบถัดไป ตามรูปแบบเดิม ๆ ของคุณตลาดเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ดังกล่าว สำหรับการเฟ้นหาหุ้นลงทุน “โมนิก้า” เจาะไปหุ้นพื้นฐานดีที่ปรับตัวลงแรง และราคาหุ้นยังขึ้นไม่มากนำมาฝากนักลงทุนไว้พิจารณา จู่ ๆ ๆ ตามสไตล์ของคนชอบสอดส่อง “เผือก” หรือชอบเม้าท์มอยภาษานิสัยผู้หญิง ๆ ๆ เบื้องต้นเชื่อว่าหุ้นดังกล่าวมีโอกาสดีดตัวกลับไม่ช้า เมื่อทุกอย่างเซตลงตัว….ด้วยธุรกิจที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับตัวลงของราคาหุ้นถือเป็นจังหวะของการเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัวนะจ๊ะ
*ว่าด้วย GUNKUL ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.95 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท “โมนิก้า” เชื่อว่าเป็นเพียงถูกขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวน หลังเกิดสงคราม อย่างไรก็ตามเดี๊ยนมองว่าตลาดจะกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง เมื่อธุรกิจกัญชง-กัญชา ใกล้ COD ในต้นไตรมาส 2/65 นี่ก็นับเวลาถอยหลังเข้ามาทุกวัน ดูแล้วอาจเห็นราคาหุ้นเด้งกลับเพื่อไปทดสอบราคาเป้า 6.45 บาท อีกครั้งก็เป็นแน่พระเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับอาการของ KBANK ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 158.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 1.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.82 พันล้านบาท นี่อาจได้เวลากระโจมเก็บหุ้นเข้าพอร์ต ซึ่งเดี๊ยนมองว่าราคาจะกลับมา Outperform ได้จุงเบย จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวได้ดี หลังไทยจะผ่อนคลายโควิดเป็นโรคประจำถิ่น และเตรียมเปิดประเทศเต็มรูปแบบ งานนี้กสิกรไทยยิ้มร่า โดยมีสัดส่วนสินเชื่อที่เกี่ยวข้องภาคท่องเที่ยวราว 20% ขอบอกไว้ก่อนนะคะ
*คล้ายกับกรณีของ MINT ราคาหุ้นฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่ม ล่าสุดปิดที่ระดับ 31.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 560 ล้านบาท แต่ภาพรวมยังทรงตัว อย่างไรก็ดีหลังจากนี้ “โมนิก้า” มองเปล่งประกายรับอานิสงส์ท่องเที่ยวยุโรปกลับมาปกติมากขึ้น มั่นใจเป็นผลดีต่อบริษัท เนื่องด้วยสัดส่วนรายได้ 60% รวมทั้งได้ประโยชน์จากไทยที่กำลังจะมีนโยบายผ่อนคลายเปิดประเทศ ดังนั้นปี 65 แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของการเทิร์นอะราวด์แน่เจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ AIT ดูจากแนวโน้มแบ็กล็อกที่จะมีเติมเข้ามาอยู่ตลอด ผสานด้วยอัตราปันผลตอบแทนในระดับสูงเกิน 6% จึงไม่น่าแปลกใจที่นักลงทุนจะเข้ามาเก็บเกี่ยวรอรับผลประโยชน์ ราคาหุ้นถึงได้ดีดตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 3 เดือนมาที่ระดับ 7.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 11.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 638 ล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ชื่นชอบลงทุนระยะยาวเจ้าค่ะ
*ท้ายสุดเม้าท์จนเจ็บคอเลยแอบนึกถึงธุรกิจน้ำอย่าง ICHI เจ้าพ่อตลาดน้ำชาเขียวที่มีผลงานโตต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันหันเหตามกระแสหวังปั๊มยอดขาย ด้วยการจะเปิดตัวเครื่องดื่มกลุ่มกัญชงและเครื่องดื่มอัดก๊าซเอาใจวัยรุ่นสายยัน ดันให้ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 11.60 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 286 ล้านบาท เดี๊ยนก็หวังว่าโปรดักต์ใหม่นี้จะออกมาปัง ๆ เฮง ๆ ครองใจทุกคนนะจ๊ะ