หุ้นโตมาแน่!
ในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่โหมดซึมอย่างเต็มตัว เพราะโดนอิทธิพลของสงครามเล่นงานต่อเนื่อง ผสานกับเจอแรงกระแทกจากเงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด
*ในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่โหมดซึมอย่างเต็มตัว เพราะโดนอิทธิพลของสงครามเล่นงานต่อเนื่อง ผสานกับเจอแรงกระแทกจากเงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด ก็เป็นจุดที่ทำให้ทุกคนกังวลเรื่องผลงานขึ้นมาทันที ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นระลอก และพยายามเข้าลงทุนแบบตีหัวเข้าบ้าน เพราะเป็นยุทธวิธีที่ปลอดภัยสุดในภาวะตลาดหุ้นผันผวนหนักไงล่ะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเฟ้นหุ้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการโตสวนกระแสเป็นหลัก เพราะราคาหุ้นที่เห็นในกระดานวันนี้มีดาวน์ไซด์ต่ำ จึงเป็นจังหวะดีของคนที่มีเงินเย็นแช่ไว้เยอะ ๆ เพราะมองจากมุมไหน ด้านไหน การลงทุนในหุ้นก็ดีกว่าฝากเงินไว้ในแบงก์ เดี๊ยนถึงไม่ตระหนกเมื่อเห็นราคาหุ้นลงแรงแม้แต่ครั้งเดียว เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงน่ะซี
*ยิ่งเห็นดัชนีแกว่งตัวฉวัดเฉวียนตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,677.87 จุด บวกไป 4 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.18 หมื่นล้านบาท ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อที่ว่า นักลงทุนไม่ต้องการสาดหุ้นในพอร์ตทิ้งไป แต่เป็นเพราะปัจจัยภายนอกในแต่ละวันกดดันอย่างหนัก จึงต้องหันมาใช้ยุทธวิธีถอยรับเพื่อป้องกันเอ็กซิเด้นท์บางอย่าง บรรยากาศการลงทุนก็เลยดูอึดอัดมากขึ้นทุกที เพราะตลาดหุ้นไทยถูกชี้นำด้วยอิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจการขยับตัวของหุ้น JMART ในรอบ 3 เดือนอย่างลึกซึ้ง และรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้หุ้นเคลื่อนตัวในรูป W-Shape (50-58 บาท) จึงอยากให้แฟนคลับมองไปข้างหน้าพร้อมกันว่า ในเมื่อปีนี้บริษัทลูกทำกำไรโตทะลัก แวลูทั้งหมดก็จะตกมาที่หุ้นแม่ทั้งนั้น! จึงอนุมานได้ทันทีว่า การยืนปิดที่ระดับ 54.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 220 ล้านบาท เป็นการแกว่งตัวรอวันฟ้าเปิดก็เท่านั้นเองจ้า!
*คล้ายกับมูฟเมนต์ของหุ้น EA ก็มีลักษณะแกว่งตัวรอสถานการณ์เช่นกัน “โมนิก้า” ถึงชอบมองไปที่ผลงานปีนี้จะเติบโตขนาดไหนเป็นหลัก เพราะมองแค่เรื่องโรงประกอบรถไฟฟ้า และโรงงานแบตเตอรี่ที่รันมาระยะหนึ่ง ก็มั่นใจได้ทันทีว่า นี่คือตัวเลือกหลักสำหรับการเล่นรอบ เพื่อรอเวลาฟ้าเปิดอย่างเป็นทางการ วานนี้จึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 93.50 บาท บวกไป 3.75 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.09 พันล้านบาทอีกครั้งนะจ๊ะ
*ในเมื่อมองไปยังหุ้นที่มีโกรทเป็นที่ตั้ง “โมนิก้า” ย่อมมองไปยังหุ้น JR ที่ทำผลงานออลไทม์ไฮให้เห็นเป็นประจำในทันที เพราะเมื่อดูจากโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาซับพอร์ตตลอดเวลา ก็ทำให้เชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 7.20 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4 ล้านบาท ลงทุนได้อย่าง “ส.บ.ม.ย.ห” แถมพรายกระซิบได้ยินข่าวแว่ว ๆ เกี่ยวกับการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอีวีด้วยแบบนี้..บอกได้คำเดียวว่า ลุยโลดนะแม๊!
*ส่วนอาการนิ่ง ๆ เฉย ๆ ของหุ้น NER ที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 5 เดือนครึ่ง ก็เป็นผลมาจากความกังวลสองสามเรื่องที่ตลาดรับรู้ไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คำสั่งซื้อ-จีนล็อกดาวน์-สงคราม-แปลงวอร์แรนต์ ล้วนเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงกับราคาหุ้นในกระดาน แต่ตราบใด “ป๋าชู” ยังสามารถโชว์กำไรโตให้เห็นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ก็มั่นใจว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 7.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 6 เท่า เล่นได้จ้า!
*ส่วนหุ้นที่เทรดบนค่าพีอีสูง อันเป็นผลมาจากกำไรโตดับเบิล “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นนวัตกรรมอย่าง BBIK แบบไม่ลังใจ เพราะเมื่อดูจากแผนงานที่ประกาศก้องว่า ในทุกปีจะทำกำไรโต 50% พ่วงด้วยดีล M&A และยังมี JV ตบท้ายแบบนี้ เดี๊ยนถึงแน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 63 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 223 ล้านบาท มันเป็นการตอบรับข่าวดีในเบื้องต้นเท่านั้น และมีโอกาสเห็นหุ้นไปทดสอบยอดเดิมแถว 90 บาทในไม่ช้านะคะ
*ในเมื่อมาแนวหุ้นเทคกันทั้งที “โมนิก้า” ขอมองนอกกรอบไปที่หุ้น SECURE สักนิดหนึ่ง เพราะในวันที่ 1 มิ.ย. 65 รัฐจะบังคับใช้เรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้คนหันมาใช้บริการของบริษัทมากขึ้น และเรื่องนี้จะเห็นผลเต็ม ๆ ในครึ่งหลังของปีนี้ เดี๊ยนเลยคิดว่า การที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 28 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4ล้านบาท ก็คุ้มค่าที่จะลงทุนเพื่อซื้ออนาคตนะจ๊ะ