ฝรั่งซื้อแสนล้าน

กลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อสุดๆ เมื่อผู้ซื้อหลักของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสแรกดันกลายเป็นต่างชาติ


*กลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อสุดๆ เมื่อผู้ซื้อหลักของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสแรกดันกลายเป็นต่างชาติ โดยควักเงินในกระเป๋าออกมาซื้อหุ้นราวแสนล้าน และกลายเป็นตัวยืนที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนยังดูดีเช่นเดิม “โมนิก้า” จึงเข้าใจสัจธรรมในเรื่อง “ซื้อหุ้นเมื่อกลัว” ได้เป็นอย่างดี และนี่คือตัวอย่างที่ทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า ไตรมาส 2 น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักอีกรอบนะจะบอกให้

*เนื่องจากความวิตกกังวลต่าง ๆ น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ประสานกับเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจของเศรษฐกิจโลก “โมนิก้า” จึงเชื่อว่า ตลาดหุ้นจะเป็นแหล่งลงทุนแรก ๆ ที่เม็ดเงินจะไหลเข้ามารอบใหม่ ผนวกกับข้อมูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมายืนยันว่า ต่างชาติขายหุ้นไทยตกปีละสองแสนล้าน และมักจะซื้อกลับในจำนวนเงินที่ใกล้เคียงเป็นประจำ จึงมองว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นไปยืนเหนือ 1,700 จุด (พูดบ่อยมาก จนเหมือนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ) ไงล่ะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,689.74 จุด บวกไป 5.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.67 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่สอดรับกับสิ่งที่ “โมนิก้า” พยายามนำเสนอให้แฟนคลับได้กลับไปคิดเป็นการบ้าน โดยเฉพาะคนที่มีเงินเย็นแช่ไว้ในพอร์ตเยอะ ๆ สถานการณ์ตรงนี้คือจุดที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน เพราะหุ้นหลายตัวเด้งกลับขึ้นมาใกล้เคียงกับยอดเดิม และมีสิทธิ์เห็นทำนิวไฮอีกด้วยพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะรายที่มาแรง แซงทางโค้ง ปาดหน้าทุกคน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น JMT แบบไม่ลังเลใจ เพราะของมันเห็นกันเต็มสองตาว่า นี่คือเจ้าพ่อตามหนี้ของประเทศไทย และหลายเจ้ากำลังก๊อปปี้ต้นแบบรายนี้อย่างดาษดื่น เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 74.50 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.30 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high อย่างต่อเนื่องนะคะ

*อีกรายที่มาในลักษณะ “หุ้นทรงสวย รวยสตอรี่” คงต้องยกให้ทีเด็ดอย่าง EA เพราะปีนี้จะเป็นปีเก็บเกี่ยวทุกอย่างที่ลงทุนไว้ จนประเมินกำไรปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 97 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.83 พันล้านบาท พร้อมกับมีลุ้นวิ่งทะลุ 100 บาทอีกด้วยแบบนี้ จึงกลายเป็นช็อตที่น่าตามไปดูเหลือเกินเจ้าค่ะ

*คล้ายกับในรายของ JMART ภายใต้การกุมบังเหียนของ “พี่ตุ้ม” ก็เป็นช็อตของการ follow buy ได้อย่างสบาย เพราะบริษัทลูกปั้นกำไรสวยได้ทุกตัว จึงส่งผลดีย้อนกลับมาที่หุ้นแม่เต็ม ๆ และการขึ้นมาปิดที่ระดับ 58 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.88 พันล้านบาท ก็มีลุ้นที่จะวิ่งผ่านแนวต้าน 60 บาทค่อนข้างสูง เพราะทันทีที่ประกาศงบไตรมาส 1 ค่าพีอีก็จะลดฮวบ อัพไซด์ก็จะเพิ่มขึ้นทันทีจ้า!

*ส่วนรายที่เริ่มฟื้นจากพิษแพนิกอย่างหุ้น SCGP กลายเป็นช็อตที่เหมาะต่อการดูกันยาว ๆ เพราะเมื่อดูจากทิศทางของธุรกิจที่ติดกับดักเรื่องต้นทุนพลังงาน ย่อมส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่ระดับ 59.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.47 พันล้านบาท มีความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าดูจากแนวโน้มที่ยังมีโอกาสโตได้อีก ก็เป็นจุดที่เหมาะต่อการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว เพราะของมันเคยเห็นกันมาแล้วว่า 70 บาทไม่ใช่เรื่องยาก..อิอิอิ

*สำหรับคนที่ชอบดูแบบไม้เดียว “รุ่ง” หรือ “ร่วง” ต้องไปวัดดวงกับหุ้น TEAMG ด้วยตนเอง เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.36 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.85 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่โหดเกินไปสำหรัการไล่ราคาพรวดเดียวขึ้นมาถึงยอดเดิม เดี๊ยนเลยเดาทางออกไม่ออกว่า หุ้นจะไปต่ออย่างไร? ยกเว้นได้บิ๊กโปรเจกต์จากปูนใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีโอกาสได้ไปต่อนะคะ

*ประเด็นข้างต้นเทียบเคียงได้กับหุ้น CIVIL ซึ่งคว้างานใหม่รวดเดียว 9 โปรเจกต์ จนทำให้ทำให้งานในมือเยอะสุดเป็นประวัติการณ์ ย่อมส่งผลดีโดยตรงกับราคาหุ้นในกระดาน “โมนิก้า” จึงไม่มีอะไรติดอยู่ในใจเมื่อเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.35 บาท บวกไป 0.51 บาท หรือขึ้นไป 10.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท เพราะตามหน้าเสื่อก็ควรเห็นหุ้นไปได้ไกลกว่านี้! จริงหรือไม่..ลองไปคิดกันต่อนะตัวเอง

Back to top button