นางกวักขาเป๋แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ใครที่เคยบอกว่า สามีภริยาตระกูลเทพเจริญอย่าง วิษณุ เทพเจริญ และ เจ๊หมวย ศิริญา เทพเจริญ แห่ง บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เขี้ยวลากดินกับการทยอยขายหุ้นเพิ่มทุนได้ราคาแพงขึ้นเรื่อย คงต้องคิดใหม่


ใครที่เคยบอกว่า สามีภริยาตระกูลเทพเจริญอย่าง วิษณุ เทพเจริญ และ เจ๊หมวย ศิริญา เทพเจริญ แห่ง บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เขี้ยวลากดินกับการทยอยขายหุ้นเพิ่มทุนได้ราคาแพงขึ้นเรื่อย คงต้องคิดใหม่

การขายหุ้นล่าสุดของ NUSA แบบพีพีล็อตใหญ่และครั้งที่ 4 ของบริษัท จากส่วนแบ่งของหุ้นที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนล่วงหน้า 4 พันล้านหุ้นเมื่อต้นปีนี้ คือคำยืนยันว่า มีคนซื้อที่เขี้ยวกว่าหลายเท่า หลังจากที่มีการตัดแบ่งขายมาเรื่อยๆ ถึง 3 รอบแล้วในปีนี้

เหตุผลเพราะขายได้ที่ราคาพาร์ 1 บาท ขณะที่ราคากระดาน 1.15 บาท ถือว่าสู้การขายหุ้นแบบพีพี 3 ครั้งรวดในช่วงก่อนหน้า ในระยะเวลาห่างกันไม่มาก และขายได้ราคาดีกว่ากระดานมาตลอด ด้วยข้ออ้างว่าเกิดจากการคำนวณราคาขายแบบแฟร์ที่ราคา “ไม่ต่ำกว่า 90% ของ 7 วันทำการหารเฉลี่ย” ลงเอยที่  1 บาท สำหรับ 2 งวดแรก โดยงวดแรก ขายได้ 600 ล้านหุ้น ให้กับบุคคล 2 คนและนิติบุคคล 1 ราย  ส่วนงวดที่ 2 ขายได้มากขึ้นถึง 700 ล้านหุ้นให้กับ 2 บุคคล 

ส่วนงวดที่สาม ขายให้กับ เฉลิมชัย มหากิจศิริ จำนวน 100 ล้านหุ้น และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนซี่ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA อีก 200 ล้านหุ้น ในยามที่ราคากระดานพรวดสวนตลาดอยู่ที่ 1.10 บาท ทำให้ขายไปที่ 1.10 บาท เท่ากับตลาด และเท่ากับบุ๊คพอดี

ครั้งล่าสุด ขายไปรวมกันอีก 1,240 ล้านหุ้น เรียกว่ายกล็อตขายไปเกลี้ยงบรรลุเป้าหมายที่ขอผู้ถือหุ้นเอาไว้คือขายหุ้นเพิ่มทุน 4 พันล้านหุ้น โดยขายแก่ผู้ซื้อหลายราย ที่ราคาเท่ากับพาร์ 1.00 บาท ทำให้มีโอกาสบรรลุเป้าหมาย ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 11,940,717,764.00 บาท ไปทุกขณะ

ขายหุ้นเพิ่มทุนบรรลุเป้าหมายได้ ไม่ใช่เรื่องต้องพูดถึงเพราะดังที่ทราบกันดีบริษัทนี้มีนิสัยเพิ่มทุนเป็นกิจวัตรไม่เคยเว้นปี ทั้งที่หนี้สินต่ำ ส่วนผู้ถือหุ้นสูง และสภาพคล่องเป็นเงินสดเหลือเฟือ โดยสามี-ภริยาคู่เลิฟมีเสน่ห์นางกวักให้สามารถขายหุ้นเพิ่มทุนได้ขลังน่าแปลกใจ ด้วยสูตร “ขายเท่าพาร์หรือสูงกว่าพาร์เล็กน้อย”

เสมือนหนึ่งเข้ามาในตลาดเพื่อเพิ่มทุนและขายหุ้นพีพีเป็นอัตลักษณ์โดดเด่น เรื่องขายโครงการอสังหาริมทรัพย์…เป็นเรื่องรอง

ประเด็นที่ทำให้ตลาดฯ ต้องเรียกขอคำชี้แจงอยู่ตรงที่ว่าการขายหุ้นพีพีรอบล่าสุดนี้ มีการซื้อควบคู่ไปด้วยโดยเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนผ่านบริษัทย่อยที่ตั้งมาเป็นตุ๊กตารองรับแล้วชื่อ บริษัท ณุศา พาวเวอร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนน่ารักน่าชัง 1 ล้านบาท โดยเข้าซื้อหุ้นธุรกิจพลังงานลมอันอื้อฉาวตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าตลาด บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH จำนวน 1,272,728 หุ้น หรือ 1.17% ในราคาหุ้นละ 550.00 บาท มูลค่ารวม  700,000,400 บาท จากบริษัท ดีดี มาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด โดยให้เหตุผลตามสูตรว่า เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และช่วยสร้างความมั่นคงทางรายได้และกระแสเงินสด

วิธีการก็เพิ่นทุนให้ ณุศา พาวเวอร์ เป็น 2,800 ล้านบาท เรียกชำระทันที 25% ซึ่งเงินเพิ่มทุนก็เอามาจาก NUSA ทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ การเพิ่มทุนนี้จะต้องทำก่อนดีลขายหุ้นพีพีของ NUSA จบลง

ยุทธศาสตร์ธุรกิจที่ปรับเป็นการใส่เงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน และลดความสำคัญของธุรกิจเดิม ได้รับคำอธิบายง่ายๆ คือ “ลดความเสี่ยงต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และภาวะอุตสาหกรรมยังมีความผันผวน นอกจากนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนนั้น เป็นธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นอกจากเป็นคำถามสำหรับผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ร่วมบริหารแล้ว ยังมีคำถามถึงความโปร่งใสของดีลนี้ด้วย 2 ข้อใหญ่ใจความ

ข้อแรกสามี-ภริยาตระกูลเทพเจริญเจตนาจะทิ้งธุรกิจใช่หรือไม่ เพราะหลังขายหุ้นเพิ่มทุนรอบนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้น NUSA กลายเป็นเบี้ยหัวแตก เสมือนบริษัทไร้เจ้าภาพทันที สัดส่วนตระกูลเทพเจริญเหลือต่ำกว่า 15% เท่านั้น เข้าข่าย  “ตีหัว หนีกลับบ้าน”

ข้อสอง คู่หูดูโอ้อย่าง นายไพโรจน์ ศิริรัตน์ และนายประเดช กิตติอิสรานนท์ รวมนอมินี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ดีดี มาร์ทโฮลดิ้ง จำกัด กลายเป็นผู้ถือหุ้น NUSA ในสัดส่วน 16.93% และ 9.47% หรือรวมแล้ว 26.40% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ทรงอิทธิพลในการครอบงำบริษัท

คู่หูดูโอ้ใช้เงินเพียงแค่ไม่ถึง 50 ล้านบาท  จากกระเป๋าส่วนตัวและของพวกสมทบอีกไม่มาก ก็ยึดกิจการNUSA อย่างฉันทมิตรได้ง่ายดายยิ่งกว่า “ปอกกล้วยเข้าปาก” ในขณะที่ NUSA ต้องจ่ายเงินเพิ่มทุนให้ธุรกิจใหม่อีก 25% ของทุนจดทะเบียนใหม่โดยไม่รู้ว่าค่าโง่ในอนาคตจะมากหรือน้อย

แม้คำถามของตลาดจะเน้นหนักเรื่อง“รายการที่เกี่ยวโยงกัน” แต่นักลงทุนที่รู้ทันย่อมไม่หลงทางกับดักของสามี-ภริยาตระกูลเทพเจริญ แน่นอน เพราะรายการนี้ทำให้เกิดคำถามว่าด้วย “นางกวักขาเป๋” ให้ต้องค้นหาคำตอบ

แล้วอย่าได้ประหลาดใจที่ในอนาคตจะไม่เห็นสามี-ภริยาตระกูลเทพเจริญนั่งอยู่ในบอร์ดของ NUSA อีกแล้ว 

Back to top button