6 หุ้นรับ 3 ธีมลงทุน Q2
ตลาดหุ้นเมื่อไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มช่วยหนุนดัชนี
ตลาดหุ้นเมื่อไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มช่วยหนุนดัชนี
ในทางกลับกัน ไม่ได้มีปัจจัยลบมากระทบ
ดัชนี SET จะแกว่งในกรอบแคบ หรือไซด์เวย์แบบที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ คือบิ๊กแคป ต่างปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว และน่าจะขยับต่อไปลำบาก
ทำให้เป็นช่วงเวลาของหุ้นขนาดกลางและเล็กที่จะเริ่มกลับมา
หุ้นกลางเล็กที่ว่านี้มีทั้งหุ้นซิ่ง วิ่งชนซิลลิ่งกันสนุกสนาน และหุ้นพื้นฐานดีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และราคายังแลกการ์ดตลาดอยู่ค่อนข้างมาก
แน่นอนล่ะพวกหุ้นซิ่ง นักวิเคราะห์ต่างแนะนำเข้าไปเก็งกำไรกันได้
ทว่า ต้องเข้าเร็วออกเร็ว
แต่เพื่อไม่ให้นักลงทุนไปให้ความสำคัญ หรือจดจ่ออยู่กับหุ้นซิ่งมากเกินไป
นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ต่าง ๆ จึงพยายามทำ “ธีมหุ้น” ขึ้นมา หลังจากไปดูข้อมูล ดีดลูกคิดกันแล้ว
และพบว่ามีโอกาสเติบโต และราคายังเหมาะต่อการเช้าซื้อ
ล่าสุด บล.เอเซีย พลัส ทำธีมหุ้นออกมาเป็น 3 ธีม และใน 3 ธีมที่ว่านี้ มี 6 หุ้น น่าสนใจเข้าลงทุน
กลุ่มธีมหุ้นที่ว่านี้ ประกอบด้วย
1.กลุ่มได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง
2.กลุ่มรับเศรษฐกิจฟื้นต้ว
3.กลุ่มที่เกี่ยวกับราคาพลังงาน
เริ่มจากกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมือง และการฟื้นตัวขึ้นของกำลังซื้อและการจับจ่ายใช้สอย
หุ้นแนะนำ คือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS
อิออนฯ ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง ทำให้กำลังซื้อกลับมา มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และมีความต้องการในการเบิกใช้สินเชื่อส่วนบุคคลกลับมาฟื้นตัว
อีกทั้งเป็นหุ้นที่มีค่า P/E ที่ถูกเพียง 11-12 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ราว 2%
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR
เมเจอร์ฯ เป็นหนึ่งหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมืองค่อนข้างมาก และหน้าหนังจากฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ และหนังไทยที่ตบเท้าเข้าฉายในปีนี้มากขึ้น
และยังมีการลงทุนในบริษัทอื่นที่ยังเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของบริษัท
สุดท้ายในกลุ่มนี้ คือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE
เซ็ปเป้ฯ ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองเช่นเดียวกัน
และในช่วงเทศกาลและฤดูร้อนนี้จะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของยอดขายเครื่องดื่มในต่างประเทศที่ยังเติบโตได้ดี
ต่อมาคือกลุ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์
กลุ่มอสังหาฯ จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่กลับมา
ประกอบกับการลดลงของสต๊อกที่อยู่อาศัยที่ลดลงไปมาก และความมั่นใจของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาเปิดโครงการจำนวนมากในปีนี้ สะท้อนภาพบวกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาฟื้นตัว
และจาก 18 หุ้นที่บล.เอเซีย พลัส ทำบทวิเคราะห์ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
พบว่ามีมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้มากถึง 4.47 แสนล้านบาท
แต่การลงทุนในกลุ่มนี้จะเลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีการกระจายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและเปิดประเทศ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี
นั่นคือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH
สุดท้าย คือ กลุ่มหุ้นที่ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูง และราคามีการย่อตัวลงมา
เป็นจังหวะน่าเข้าสะสม เพื่อเก็งกำไรในช่วงที่ปัจจัยกดดันคลี่คลายลง
หุ้นกลุ่มนี้ คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC
SCC ได้รับแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่สูง และราคามีการย่อตัวลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งยังมีอัพไซด์ของราคาค่อนข้างมาก หากปัจจัยด้านต้นทุนราคาน้ำมันคลี่คลายลง
รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
GPSC ราคาปรับตัวลงมาเช่นเดียวกัน เพราะความกังวลในเรื่องต้นทุนราคาก๊าซที่ใช้ในโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักของ GPSC ทำให้เป็นปัจจัยเข้ามากดดันต่อกำไรของ GPSC ในระยะสั้น
ทว่า หากปัจจัยกดดันได้ผ่านพ้นไปแล้วยังเห็นอัพไซด์ที่เปิดกว้าง
และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังเป็นหุ้นปลอดภัย หรือ Defensive ที่ไม่ค่อยมีความผันผวนมาก และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากนัก