หุ้นธนาคาร ยังต่ำกว่าบุ๊ก

ถึงแม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร กรณี ที่ถูกบริษัทเรตติ้งอย่าง S&P ซึ่งถือหุ้นในทริส เรทติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 4 ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำแต่กลับเป็นข่าวดี


ถึงแม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร กรณี ที่ถูกบริษัทเรตติ้งอย่าง S&P ซึ่งถือหุ้นในทริส เรทติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 4 ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำแต่กลับเป็นข่าวดีเพราะยังผลให้รายย่อยได้ซื้อหุ้นกลุ่มนี้ในราคาต่ำกว่าจริง และส่วนใหญ่ยังต่ำกว่าบุ๊กแวลู ทำให้นักวิเคราะห์มองราคาหุ้นไทยน่าซื้อเก็บเข้าพอร์ตอย่างยิ่ง

คำถามคือใครจะแม่นยำกว่ากันระหว่างนักวิเคราะห์ไทย และผู้จัดการกองทุนฝรั่ง

คำตอบคงขึ้นกับมุมมองของแต่ละฝ่าย เพราะ S&P วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง ส่วนนักวิเคราะห์มองด้วยแว่นตาสีใสกว่า ทำให้นักวิเคราะห์ของ โบรกฯ น่าจะถูกต้องแม่นยำกว่า เพราะได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับฐานทุนของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ พบว่าฐานทุนที่มีอยู่มีความเพียงพอต่อ debt relief ที่มีในปัจจุบัน ทำให้มองเป็นจังหวะเข้าซื้อสะสม

ที่สำคัญทุกๆ ธนาคารที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นล้วนมีผลประกอบการดีขึ้นชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ที่ชื่อเสียงเด่นดังจากการเป็นแชมป์วิเคราะห์มาโชกโชนแล้วยกนิ้วให้ ด้วยเหตุผล 3 ประการนั่นคือ

1) คาดงบแบงก์ ในไตรมาสที่ผ่านมาจะดีขึ้นโดดเด่นด้วยค่าเฉลี่ย มีกำไรแตะช่วง 4.2 หมื่นลบ. เพิ่ม 5% หลังสำรองลด แถมยังมองไปอีกว่า พร้อมมองทั้งหมดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์น่าจะมีเงินหน้าตักและปล่อยสินเชื่อจริงจังมากขึ้น ทำให้คาดหมายว่ากำไรสุทธิจะเติบโต กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นกลุ่มแรกที่ทยอยประกาศออกมา โดยล่าสุดเริ่มมีบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำทยอยคาดการณ์งบดังกล่าวออกมากันแล้ว

2) ราคาหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ ยังมีราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลูทั้งสิ้น (ไม่นับ SCB, TISCO ที่มีปัจจัยพิเศษให้ราคาสูงกว่าบุ๊กแวลู) และการที่ธนาคารทุกแห่งมีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า 15% ทั้งสิ้นทุกราย ทำให้การถือหุ้นธนาคารระยะยาวมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด เปิดเผยว่า คาดผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส มีมากมายเกินคาดหมายเชิงบวกว่า จะมีกำไรสุทธิ 41,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 15.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดว่า BBL, KBANK, KTB และ SCB จะเริ่มทยอยประกาศงบไตรมาส 1 ออกมา ก่อนวันที่ 20 เมษายน อันเป็นกำหนดเส้นตายจากธปท.ดังกล่าวที่ได้รับเสียงขานรับในทิศทางเดียวกัน

โบรกเกอร์ค่ายอื่น ต่างพูดสอดรับกัน และเปิดเผยว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” โดยคาดกำไรสุทธิรวมไตรมาส 1/65 ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาส 4/64 จากสำรองฯ และ OPEX ที่ลดลง ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะยังเติบโตได้ต่อในช่วงสิ้นปี 65 ที่ 9% เพราะแนวโน้มสำรองฯ ที่ลดลงจากการที่ตั้งสำรองเผื่อ มาเยอะแล้วในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์อีกแล้ว รวมถึงคาดเปิดประเทศช่วงครึ่งปีหลัง 65 จะช่วยให้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมกลับมาฟื้นตัวได้ดี

ด้านสินเชื่อไตรมาสแรกนี้คาดเพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่ม 0.4% จากไตรมาส 4/64 เพราะสินเชื่อรายใหญ่และภาครัฐช่วยหนุน ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ภาพรวมของสินเชื่อไตรมาส

เส้นทางกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นแม้ยังไม่ต้องยุ่งยากเหมือน 2 ปีเศษที่ผ่านมาที่สำคัญของสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อจากภาครัฐที่ยังเติบโตได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวได้ ในส่วนของ NPL รวมในไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.21% จากไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ที่ 3.11% ซึ่งเป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต่ออายุถึงเดือน ธ.ค. ปี 2566 อีกด้วย

คำแนะนำให้ซื้อแบบ “ลางเนื้อ ชอบลางยา” ในหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่กลับมามีกำไรสุทธิทั่วหน้าจึงมีเหตุผลรองรับ เหลือแค่คำถามว่าจะซื้อหุ้นตัวไหนแล้วจะมีกำไรมากกว่ากัน

แน่นอนว่า หุ้นอย่าง KBANK ที่คาดหมายว่าจะมีกำไรเพิ่มโดดเด่นเป็นหมายเลขหนึ่งของยุคหลังโควิด-19 ควรซื้อเข้าพอร์ต และ SCB จะน่าซื้ออย่างยิ่งช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็น่าเก็งกำไรเพราะใกล้จะถอนตัวจากตลาดเปิดทางให้โฮลดิ้งใหญ่อย่าง SCBX เข้ามาเทรดแทนในวันที่ 28 เมษายน

ส่วนหุ้นที่ปีนี้น่าสนใจที่สุดเพราะมีราคาต่ำกว่า 1.00 บาท ที่กำไรสะสม กำไรสุทธิ ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลูเกือบ 50% เห็นจะได้แก่ CIMBT ที่หากวิ่งของราคาเกิดขึ้นน่าจะมากกว่า 20%

ส่วนหุ้นที่ขี้เหร่กว่าใครในกลุ่มนี้ น่าจะเป็น BAY เพราะปีก่อนมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นลดการถือครองในบริษัท TIDLOR มากมาย ทั้งที่กำไรปกติลดลงไป ปีนี้ อาจจะไม่มีปรากฏการณ์กำไรพิเศษช่วยเสริม อาจจะราคาไม่น่าสนใจหรือซื้อแล้วติดหุ้นนานได้

ทั้งหมดนี้คือสตอรี่ของหุ้นที่น่าสนใจซื้อเข้าพอร์ตมากสุดในตลาดหุ้นไทยยามนี้คือกลุ่มธนาคาร ในยามที่ดอกเบี้ยโลกจะเป็นขาขึ้นจริงจัง

ตาดีได้ ตาร้ายก็เสีย………นะครับ

Back to top button