พิษข่าวลือ

หากแฟนคลับจำบทความที่ “โมนิก้า” เขียนไว้ในช่วงต้นเดือน เม.ย. เกี่ยวกับเรื่อง “เมษาหน้าโง่” ก็จะเข้าใจถึงแรงกดดันที่มาจาก “พิษข่าวลือ” มากมายมหาศาลขนาดไหน


*หากแฟนคลับจำบทความที่ “โมนิก้า” เขียนไว้ในช่วงต้นเดือน เม.ย. เกี่ยวกับเรื่อง “เมษาหน้าโง่” ก็จะเข้าใจถึงแรงกดดันที่มาจาก “พิษข่าวลือ” มากมายมหาศาลขนาดไหน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เดี๊ยนพยายามตีแผ่ทุกซอกมุมที่ทำให้เกิดเฟกนิวส์ เพื่อทำให้รายย่อยอ่านเกมดังกล่าวออก เพราะช่วงหลัง ๆ มักเอาความจริงครึ่งเดียวออกมาเล่า ส่งผลให้เรื่องราวมันยุ่งเหยิงเกินการควบคุมไปหมดน่ะซี

*เหมือนกับอาการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทิ้งตัวลงอีกครั้ง ล้วนเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย และเรื่องเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ปัญหาสงครามที่ทำท่าจะยืดเยื้อเป็นปี หรือแม้ทั่งเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ฟื้นเหมือนที่คิด คือตัวแปรที่ทำให้เกิดกระแสข่าวรายวันที่ไปได้ทุกทิศทุกทาง และเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีลงมายืนต่ำกว่าระดับ 1,700 จุดอีกครั้ง พร้อมกับเปิดโอกาสให้เสือปืนไวเข้ามาเล่นรอบไงล่ะคะ

*วันนี้จึงต้องยิงคำถามไปยังรายย่อยว่า ดัชนีไหลลงมาปิดที่ระดับ 1,682.41 จุด ลบไป 18.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.70 หมื่นล้านบาท มันใช่เรื่องที่น่ากลัวสำหรับการลงทุนหรือเปล่า? และการที่ดัชนีเคลื่อนตัวในลักษณะ W-Shape เป็นเวลาสามเดือน มันเป็นเรื่องใหม่ที่นักลงทุนไม่เคยเห็นจริงไหม? เหล่านี้เป็นภาพกว้าง ๆ ที่อยากให้นักเล่นลองไปคิดเป็นการบ้าน เพื่อประเมินรูปแบบการเล่นอย่างไหนเหมาะสำหรับตัวเองนะจ๊ะ

*จากการจั่วหัวดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องลงลึกในรายละเอียดของหุ้นดังอย่าง EA กันสักหน่อย เพราะพิษข่าวลือที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้หนักหนาจริง ๆ ผนวกกับมีพวกบ่างช่างยุออกมาโหนกระแสด้วยการเขียนเปเปอร์ และส่งต่อในกลุ่มไลน์อย่างดาษดื่นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จึงเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟเข้ากองเพลิงแบบนี้ และทำให้สถานการณ์ดูย่ำแย่ลงไปมากกว่าเดิมนะจะบอกให้

*เดี๊ยนจึงต้องมาไล่เรียงไทม์ไลน์ดังกล่าวแบบเจาะลึก เพื่อทำให้เห็นขบวนการปล่อยข่าวไม่ได้มาเล่น ๆ และเรื่องนี้มันมีจุดเริ่มต้นจากพวกสันขวานหยิบยกเอาประเด็นที่อยู่บนเฟซบุ๊กมาแคปเป็นรูปภาพ แล้วส่งต่อกันเป็นทอด ๆ พร้อมกับกล่าวหาเจ้าของมีการถ่ายโอนเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง พร้อมกับอ้างถึงโครงการ “โซลาร์ฟาร์ม” และ “วินด์ฟาร์ม” เป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเงินผ่านผู้รับเหมาต่างประเทศนะคะ

*น่าเสียดายที่ “โมนิก้า” เป็นคนที่รู้แนวทางการทำธุรกิจในสมัยนั้น และรู้ถึงกระบวนการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ จึงหลอกเดี๊ยนไม่ได้เหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะเมื่อดูต้นเรื่องที่อ้างย้อนกลับไปถึงปี 56 เทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่อยู่ในปี 65 จึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือทันที เพราะเรื่องมันผ่านมา 10 ปี และบริษัทก็ยังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ถ้ามีการโกงกินกันจริง ๆ กำไรจะโตทุกปีได้เหรอจ๊ะ

*ประเด็นข้างต้นยังเชื่อมโยงไปถึงการขอสินเชื่อแบงก์ เพื่อทำโครงการพลังงานสะอาดก่อนหน้านี้ ก็ยังถูกกำกับและตรวจสอบจากแบงก์โดยตรง แถมเม็ดเงินดังกล่าวก็ถูกส่งไปที่ผู้รับเหมาจีนเป็นงวด ๆ (โครงการใหญ่ ๆ สมัยนี้ผู้รับเหมาจีนทั้งนั้น) และที่น่าสนใจคือผู้รับเหมาดังกล่าวก็เป็นรัฐวิสาหกิจจีนเสียด้วย “โมนิก้า” เลยมองไม่เห็นช่องทางที่เงินจะรั่วไหลมากมายเหมือนที่พยายามปั่นข่าวเลยจ้า!

*กระแสดังกล่าวถูกปั่นให้ใหญ่ขึ้นไปอีก เมื่อมีไลน์ลับที่ออกมาจากโบรกเกอร์ที่อยู่ย่านราชประสงค์ พูดถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทั้งกลุ่ม พร้อมกับแนะนำให้หลีกเลี่ยงเป็นการชั่วคราว แต่สุดท้ายก็เม้าท์กันให้แซ่ดว่า เขาไม่ได้ทำไลน์ดังกล่าวนะตัวเอง! จึงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นอยากเผือกกันอย่างล้นหลาม และกลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า วันนี้จะมีเฟกนิวส์ออกมาอีกไหมเอ่ย?

*สุดท้ายนี้ก่อนที่ผลลัพธ์ของเรื่องจะออกมา “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับตั้งสติก่อนเป็นลำดับแรก และรอการแถลงข่าวจากฝั่งผู้บริหารกันสักนิดหนึ่ง เพราะเรื่องนี้จะต้องมีคนโดนคดีอย่างแน่นอน หรือถ้าถามความเห็นส่วนตัวของเดี๊ยนลงลึกไปนิดหนึ่งก็จะบอกว่า ในเมื่อพื้นฐานของบริษัทยังไม่เปลี่ยน ราคาหุ้นก็ควรยืนได้ใช่ไหมเอ่ย? และการยืนปิดที่ 88.25 บาท ลบไป 8 บาท หรือลงไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.08 หมื่นล้านบาท ก็อยู่ที่นักลงทุนเห็นพ้องทางไหนมากกว่ากัน..เรื่องทั้งหมดก็อยู่เพียงเท่านี้ล่ะคะ

Back to top button