โดนทุบจนชิน

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ต้องแขวนชีวิตไว้กับผู้เล่นที่เป็นกองทุน มักโดนขายแบบจัดหนักจนต้องร้องขอชีวิตเป็นประจำ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ต้องแขวนชีวิตไว้กับผู้เล่นที่เป็นกองทุน มักโดนขายแบบจัดหนักจนต้องร้องขอชีวิตเป็นประจำ เพราะเหตุผลในการสาดหุ้นมันมีมากมายหลายอย่าง “โมนิก้า” เลยมีอาการด้านชากับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวไปเยอะพอสมควร แต่สุดท้ายก็ยังมีอาการหวาดผวาให้เห็นตลอดเวลา จึงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องมือในการเยียวยาจิตใจพะยะค่ะ

*ประกอบกับผู้รู้หลายรายเริ่มเสียงแตกเกี่ยวกับระดับเหมาะสมของเป้าดัชนี จึงกลายเป็นช็อตที่สร้างความอลเวงให้กับนักเล่น “โมนิก้า” เลยรู้สึกเฉย ๆ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงดัชนีกำลังทดสอบแรงขาย เพราะช่วงหลัง ๆ มักมีข่าวร้ายออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเป็นประจำ และทำให้กองทุนทิ้งหุ้นออกมาเป็นไม้แรก ๆ ซึ่งเป็นงานถนัดของนักเล่นกลุ่มนี้ไงล่ะคะ

*นั่นหมายความว่า การแกว่งตัวขึ้นลงตลอดทั้งวันของดัชนีฯ ก่อนจะยืนปิดของดัชนีฯ ที่ระดับ 1,686 จุด บวกไป 3.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.08 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นที่ถูกกดดันหนักจากอิทธิพลรอบด้าน “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้เห็นการโดนทุบในระหว่างที่เทคตัวผ่าน 1,700 จุด มันเป็นเรื่องปกติที่เห็นกันมาแล้ว 3 รอบในช่วง 2 เดือน จึงต้องเข้าใจเกมหุ้นเที่ยวนี้ด้วยนะคะ

*เช่นเดียวกับเกมทุบหุ้น EA ที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ ก็เป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจเยอะสุด ๆ เมื่อมาผสมโรงกับพวกชอบเผือกเป็นทุนเดิม จึงทำให้เรื่องราวเลยเถิดไปจากที่เป็นอยู่เยอะพอสมควร แต่ดูเหมือนว่า คนส่วนใหญ่จะรู้แกวเจ๊จอมปั่นข่าว จึงดักซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมากันเป็นแถว หุ้นจึงเด้งกลับจากจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 86 บาท ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 87.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.96 พันล้านบาทนะจะบอกให้

*ที่น่าสนใจคือโพสต์ล่าสุดที่เจ๊ปล่อยออกมาก็ทำให้รู้ว่า กำลังลากหน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. และ ตลท. ให้เข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อทำให้แรงกดดันทั้งหลายทั้งมวลพุ่งตรงไปยังผู้บริหาร ซึ่งเป็นเกมที่เห็นกันอยู่แล้วว่า ต้องงัดหลักฐานออกมาสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง..ก่อนจะไปถึงตรงนั้นเชื่อได้เลยว่า เจ๊โดนคดีแน่นอน เพราะฝั่งผู้บริหารไปแจ้งความเป็นที่เรียบร้อย น้องโมจึงอยากให้คุณเจ๊พอเถอะ และอย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย..เดี๋ยวจะโดนหนักกว่าเดิมเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นที่โดนทุบบ่อยมากอย่างหุ้น SPRC ก็เป็นหุ้นที่นักเล่นต้องเข้าใจการเคลื่อนตัวในรอบ 1 ปี ก็วนเวียนไปมาในกรอบ 8.50-11 บาทเป็นส่วนใหญ่ “โมนิก้า” จึงไม่จำเป็นต้องมองถึงพื้นฐานให้เสียเวลา เพราะแค่รู้ว่า หุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 9.40 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 654 ล้านบาท มันเป็นภาพที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสไหลลงมานอนที่ฐานล่างในไม่ช้านะจ๊ะ

*คล้ายกับในรายของหุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง OSP ก็มีทรงคล้ายกับรายข้างต้นอย่างกับแกะ แถมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก็ “มุดหัวลง” มากกว่า “ผงกหัวขึ้น” จึงไม่แปลกใจที่หุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 34.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.56 พันล้านบาท เพราะก่อนหน้านี้คาดหวังจะได้เห็นการปรับราคาสินค้า แต่สุดท้ายต้องตรึงราคาต่อไปอีกนาน จึงเดาได้ทันทีว่า กำไรไม่โต! และมีสิทธิ์เห็นหุ้นลงมาที่ฐาน 32 บาทอีกครั้งจ้า!

*สำหรับรายที่อาการหนักสุดในเที่ยวนี้ คงต้องมองไปที่หุ้น CBG แบบไม่ลังเลใจ เพราะปีก่อนราคาหุ้นก็ไหลลงลูกเดียว พอถึงปีนี้ก็ออกอาการแทงกั๊กมาตลอด และแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 100-110 บาทเป็นประจำ ยิ่งต้องมาเจอกับปัญหาเงินเฟ้อโจมตีเข้าอีกดอก ยิ่งกดดันการเบ่งกำไรแบบจัดเต็ม หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ระดับ 101 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาทแบบนี้..ต้องรอซื้อเมื่ออ่อนตัวสถานเดียวค่ะ

*ส่วนรายที่อยู่ในอาการป้อแป้ และหาข่าวดีชิ้นใหม่ไม่ได้สักที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SAWAD ในทันที เพราะการทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 54.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 731 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า กองทุนไม่เล่น! ราคาหุ้นถึงลงมาทำโลว์ในรอบ 1 ปี 5 เดือน ผนวกกับมีความกังวลเกี่ยวกับกำไรไม่มาเหมือนที่คิด จึงกลายเป็นโจทย์ยากที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะกลับทิศในเร็ววันน่ะซี

Back to top button