พาราสาวะถี

คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันจับจ้องมองไปถึงตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิดหลังสงกรานต์จะมากมายมหาศาลอาจถึงหลักแสนราย อย่างที่มีการคาดหมายกันไว้หรือไม่


สงกรานต์ปีนี้แม้จะยังไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ตามปกติเหมือนปีก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ความคึกคักในแง่การเคลื่อนย้ายของผู้คนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับภูมิลำเนา และการท่องเที่ยวถือว่ากลับมาใกล้เคียงสถานการณ์ปกติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันจับจ้องมองไปถึงตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิดหลังสงกรานต์จะมากมายมหาศาลอาจถึงหลักแสนราย อย่างที่มีการคาดหมายกันไว้หรือไม่

ในมุมของหมอการเมืองก็ย้ำนักย้ำหนาตัวเลขของผู้ติดเชื้อไม่ว่าจะมากขนาดไหน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ เพราะโควิดสายพันธุ์โอมิครอนระบาดเร็วและติดง่าย จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นตัวเลขพุ่งสูง แต่ตัวชี้วัดที่สำคัญคือ ตัวเลขผู้ป่วยหนักกับจำนวนผู้เสียชีวิต ซึ่งหากเกินเกณฑ์ที่ประมาณการกันไว้ก็จะกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ แน่นอนว่ากับตัวเลขการตายเกินหลักร้อยรายสองวันที่ผ่านมา น่าจะต้องหันมาทบทวนกันบ้างแล้วว่า สงกรานต์นี้จะปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของประชาชนอย่างเดียวเช่นนั้นหรือ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทางฝ่ายกุมอำนาจจะไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์เช่นนี้เท่าไหร่ ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้ลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงโควิด-19 จากกักตัว 7 วัน และสังเกตอาการ 3 วัน เหลือกักตัว 5 วัน และสังเกตอาการ 5 วัน หลังจากนี้ก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของศบค.และคาดว่าจะใช้ได้หลังสงกรานต์ นั่นหมายความว่าบรรดาหมอการเมืองทั้งหลายต่างเชื่อมั่นว่าความรุนแรงของโรคจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ทุกอย่างอยู่ในภาวะที่เอาอยู่ ต้องรอดูกันต่อไป

ผลจากการถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตของ ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี ของพรรคสืบทอดอำนาจ อย่างที่ได้เห็นปฏิกิริยาจากนักการเมืองและนักวิชาการทั้งหลาย ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่คดีลักษณะเช่นนี้ต้องมาถูกดำเนินการเหมือนโทษประหารชีวิตทางการเมือง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของศาลอย่างที่ วิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์ ศาลตัดสินตามบทบัญญัติที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ นั่นย่อมทำให้นักการเมืองที่มีคดีแบบเดียวกันกับปารีณาต่างหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตามกัน

จะว่าไปหากพิจารณาเปรียบเทียบการถูกตัดสินในคดีของปารีณากับคดีอาญาที่ผู้ทำผิดต้องคำพิพากษาถึงขั้นประหารชีวิต คนเหล่านั้นยังมีโอกาสได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่คดีที่นักการเมืองถูกลงโทษด้วยข้อกล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรงอันเหมือนโทษประหารชีวิตทางการเมืองนั้น ไม่มีโอกาสที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ สิ่งเดียวที่จะทำให้มีโอกาสได้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ตัวเองเลือกเหมือนเดิมก็คือ การตรากฎหมายล้างมลทินเฉพาะเท่านั้น

นี่คือผลพวงจากรัฐธรรมนูญที่อ้างกันว่าเป็นฉบับปราบโกง โดยประเด็นการกำหนดให้กรณีนักการเมืองละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงไปให้ศาลฎีกาตัดสิน และมีโทษประหารชีวิตทางการเมืองนั้น ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้แสดงความเห็นหลังคดีของปารีณาสิ้นสุดว่า “เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” มาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องจริยธรรม จรรยาบรรณเป็นเรื่องภายในองค์กร ต้องให้แต่ละองค์กรกำหนดและชี้ขาดกันเอง หน่วยงานอื่น ๆ ก็ทำกันเอง ลงโทษกันเอง

มาตรฐานทางจริยธรรมไม่ใช่เรื่องเกณฑ์ทางกฎหมาย ไม่ใช่ถูกหรือผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องความเหมาะสม จึงไม่ควรให้ศาลชี้ขาดลงโทษ ศาลเกี่ยวข้องได้แบบรีวิวทบทวน เช่น ข้าราชการถูกลงโทษทางวินัยก็อาจฟ้องศาลให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษได้ เป็นการตรวจสอบว่าคำสั่งลงโทษชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่กรณีของนักการเมืองกลับนำเอามาตรฐานจริยธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระออกมาปรับใช้ และยังให้ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลแล้วส่งให้ศาลฎีกาชี้ขาด

โทษสูง การตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตไม่ควรมี นี่คือการทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง เป็นการประหารชีวิตทางการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจเอามาใช้สองกรณีคือ ติดคุกเพราะคอร์รัปชัน และละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งผู้ร่างเที่ยวเอาไปโพนทะนาว่านี่คือ รัฐธรรมนูญปราบโกง แต่ความจริงแล้วการโกงก็ยังมีอยู่และเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ ขณะที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับปารีณาวัดแรงกระเพื่อมจากนักการเมืองที่อยู่ในข่ายก็เห็นได้ชัดว่า การเขียนรัฐธรรมนูญไว้เช่นนี้เป็นการเปิดช่องให้ใช้เล่นงานนักการเมืองกันไปมามากกว่า

ปัญหาระหว่างพี่น้องแก๊ง 3 ป. แม้จะพยายามสร้างภาพว่ารักกันดูดดื่มขนาดไหน แต่การกระทำและสิ่งที่สังคมได้เห็นผ่านการขับเคลื่อนทางการเมืองเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจน แก้วที่ร้าวแล้วมันจากที่จะประสานให้เป็นเนื้อเดียวกันเหมือนเดิมได้ ช่วงสงกรานต์นี้พี่ใหญ่ขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่และป้ายไวนิลอีกพรึ่บบนถนนมิตรภาพ เส้นทางมุ่งสู่ภาคอีสาน เป็นการอวยพรประชาชน แต่ทำไมจึงจำเพาะเจาะจงเฉพาะถนนสายนี้เป็นด้านหลัก

ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคสืบทอดอำนาจหมายมั่นปั้นมือว่าจะปักธงให้ได้ส.ส.มากที่สุดในภาคนี้ ชนิดหายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยในฐานะแชมป์เก่าที่มีส.ส.อีสานมากกว่าใครเพื่อนมาตั้งแต่คราวเป็นพรรคไทยรักไทย ขณะที่คนคิดมากก็มองไปไกลว่านี่คือสัญญาณที่บ่งชี้จะมีการเลือกตั้งในระยะเวลาอันใกล้นี้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนการเตือนไปยังน้องรองและน้องเล็กทั้งสองรายว่า ทางการเมืองนั้นพี่เอาจริง และไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อย้อนกลับไปดูข่าวปมเรือดำน้ำจากจีนที่ถูกฝ่ายค้านตีเรื่องเครื่องยนต์ซึ่งทางเยอรมันไม่ยอมขายให้จีน ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศหากมีปัญหาก็หาช่องยกเลิกสัญญาไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่พี่ใหญ่กลับบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้คนที่กุมอำนาจงานความมั่นคงและดูแลกระทรวงกลาโหมคือพี่ใหญ่ แต่พอมีรัฐบาลเลือกตั้งน้องเล็กกลับยึดอำนาจทั้งหมดไปไว้ในมือ แต่วันนี้พี่ใหญ่อยู่ในฐานะผู้ชี้ชะตา จะถอนตัวหนุนน้องเล็กหรือจะยกมือไม่ไว้วางใจก็ทำได้ทุกเมื่อ นี่คือการเมืองของนักเลือกตั้งที่น้องเล็กรังเกียจมาตลอดแต่ดันทะลึ่งอยากอยู่ยาวโดยไม่ลงทุนอะไร

Back to top button