สงครามวันเดียว???พลวัต2015

คำพังเพยโบราณว่า “บัวบานในโคลนตม” (อาจจะรวมความถึงคำพังเพยรุ่นหลัง”ผักตบบาน กลางน้ำคลำ”) หมายความถึงสิ่งที่ดีและโดดเด่นท่ามกลางความเลวร้ายรอบด้าน เหมือนกับตัวละครเด่นหลายคนของนักเขียนชื่อดัง “โบตั๋น” ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยประทับใจ ยังเป็นคำถามว่า จะยังใช้การได้ดีในกรณีของตลาดหุ้นไทยมากน้อยเพียงใด

ในปีนี้ เราได้เห็นตลาดหุ้นเป็นขาลง ดัชนีตลาดร่วงลงจากระดับ 1,625 จุด ในเดือนกุมภาพันธ์มาจนหลุดไปที่ระดับใต้ 1,300 จุด แต่แล้วก็รีบาวด์กลับคืนมาที่ระดับวนเวียนแถว 1,400 จุด  และเมื่อวานนี้ดัชนีตลาดก็บวกแรงขึ้นมาอีก 18 จุดเศษ จนมายืนเหนือ 1,410 จุดได้อีกครั้ง ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลก (ไม่นับ ไต้หวัน จาการ์ตา และมะนิลาที่บวกเล็กน้อย)

                ข่าวร้ายจากจีนที่มีตำรวจเข้าไปตรวจค้นหาความผิดของผู้บริหารสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการหากำไรที่ผิดกฎหมายในธุรกิจหลักทรัพย์ ตอกย้ำว่าความเลวร้ายของสถานการณ์ในจีนยังไม่จบสิ้นง่ายดาย และกดดันหุ้นในเอเชียต่อไป

ตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐที่ถูกแรงกดดันของภาวะเงินฝืด และเฟด ตามลำดับ ยังคงเป็นประเด็นกดดันไม่รู้จบ นอกเหนือจากราคาน้ำมันที่ยังไม่มีท่าทีจะฟื้นตัว ก็ยังเป็นข่าวร้ายที่รบกวนราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย 

การขึ้นแรงของดัชนีตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีทิศทางผันผวน และไซด์เวย์ดาวน์ เพราะราคาน้ำมันยังหาความแน่นอนไม่ได้ แรงกังวลจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เศรษฐกิจจีนที่เติบโตช้าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ย่ำแย่ เป็นปริศนาคำถามอย่างยิ่งว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาก็มีลักษณะการบวกแรงเช่นนี้ แล้วก็ไม่สามารถฝ่าแนวต้านขึ้นไปได้ โดยเฉพาะแนวต้านที่ระดับ 1,430 จุด ที่เป็นแนวต้านสำคัญมากนับแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา

ที่สำคัญ เป็นการวิ่งขึ้นจากแรงซื้อหลักของกองทุนรวมโดยเฉพาะ ในขณะที่ไม่มีวี่แววว่าจะมีฟันด์โฟลว์ไหลเข้า หรือต่างชาติเข้าซื้อแรงแต่อย่างใด ถือว่าเซอร์ไพรส์อย่างมาก

ที่สำคัญ เป็นการขึ้นในยามที่มูลค่าซื้อขายต่ำมาก 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งแรงซื้อขนาดนี้ ไม่น่าจะไปได้ไกลกี่มากน้อย แต่ข้อเด่นก็มีเพียงแค่ว่า แนวรับ 1,400 จุดชัดเจนยิ่งขึ้นว่า พยายามสร้างฐานแนวรับกันตรงนี้ให้ได้ เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าแนวต้านสำคัญจะถูกพังทลายลงไป

นักวิเคราะห์หลายสำนัก ที่เชื่อโดยสุจริตว่า นักลงทุนมีความจำสั้นเหมือนตนเอง เพราะลืมไปว่าเคยพูดอะไรไว้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ออกมาให้ความเห็นแบบมองโลกในเชิงบวกว่า การขึ้นของตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรผลการประชุมครม.ในวันนี้ ซึ่งมีวาระเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานกำหนดเอาไว้

นักวิเคราะห์ที่ระมัดระวังและรอบคอบ มีมุมมองที่เป็นกลางกล่าวว่า การวิ่งขึ้นของดัชนีตลาดวานนี้ ที่มุ่งไปที่หุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานเป็นหลัก ทั้งที่หุ้นดังกล่าวมีผลการดำเนินงานไตรมาส 3 น่าผิดหวัง และยังไม่ชัดเจนว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 จะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพราะสถานการณ์รอบด้านยังไม่ดีขึ้น  เป็นปรากฏการณ์ที่ต้องระวังเพราะว่า มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มที่ไม่มีอิทธิพลต่อขาขึ้นของตลาดมากนัก โดยเฉพาะกองทุนรวมที่มักจะเทขายทำกำไรหลังจากวันถัดมาจากวันที่หุ้นวิ่งขึ้นแรง

ที่กลับเข้ามาหนุนตลาด แต่การที่ตลาดปรับขึ้นมาก็ทำให้ผ่อนคลายความกังวลไปได้เล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในประเทศ ที่นักลงทุนยังรอดูการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประเด็นการเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

สัญญาณทางเทคนิคของการกลับตัวตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นภาวะของการสลัดพ้นจากจุดต่ำสุด เพื่อกลับทิศเป็นขาขึ้น หรือ breaking out  เพราะยังไม่มีแรงซื้อต่อเนื่องมากมาย และขาดกระแสฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหนุนเนื่องจริงจัง ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ ทั่วโลกและไทยยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงต่อไป

วันนี้ หรือพรุ่งนี้ จะมีโอกาสที่การบวกแรงวานนี้ จะตามมาด้วยการแกว่งตัวระหว่างที่ตลาดยังรอดูปัจจัยจากภายนอกตลาด และผลประกอบการของหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่จะทยอยประกาศงบเข้ามาต่อเนื่อง

โดยเฉพาะใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ซึ่งไม่น่าจะโดดเด่นเท่าใดนัก เมื่อประเมินจากความพยายามดึงเกมของบริษัทต่างๆ ที่รอไปประกาศงบการเงินใน ”ช่วงชุลมุน” ตอนท้ายๆ เพื่อกลบตัวเลขเชิงลบที่จะเป็นไปได้

การบวกของดัชนีตลาดหุ้นเป็นเรื่องดีเสมอ หากว่ามีความต่อเนื่องและมีพื้นฐานรองรับ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ เสียงถอนหายใจโล่งอกชั่วขณะของนักลงทุน ก่อนที่จะพบว่า การวิ่งขึ้นเป็นแค่ “สงครามวันเดียว”

แฟนๆ ของแมงเม่าคลับ ต้องระวัง