ตลท. ซวย
ทันทีที่ข่าวฉาวของกระทิงเปลี่ยวถูกขุดคุยออกมาเรื่อย ๆ และมีบางช่วงบางตอนไปเกี่ยวข้องกับตอนที่นั่งเป็นบอร์ด ตลท. ทำให้ผู้คนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนสะดุ้งโหยงกันเป็นแถว
*ทันทีที่ข่าวฉาวของกระทิงเปลี่ยวอย่าง “ปริญญ์” ถูกขุดคุยออกมาเรื่อย ๆ และมีบางช่วงบางตอนไปเกี่ยวข้องกับตอนที่นั่งเป็นบอร์ด ตลท. ก็ทำให้ผู้คนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนสะดุ้งโหยงกันเป็นแถว เพราะในช่วงเวลานั้นมีกลุ่มคนที่เป็นขั้วอำนาจหนุนหลังกระทิงเปลี่ยวเต็มที่ (ตอนนั้นยังไม่รู้ธาตุแท้) ซึ่งเป็นผลมาจากฉากหน้าที่ดูเป็นคนหนุ่มไฟแรง และพร้อมจะพัฒนาตลาดหุ้นอย่างเต็มที่น่ะซี
*ตอนนั้นทำให้ชื่อเสียงของกระทิงเปลี่ยวระบือไกล และเป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากมาย เพราะเป็นคนที่ไต่เต้า (อย่าคิดลึก) ตำแหน่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผสานกับมีเสียงร่ำลือถึงแรงสนับสนุนหลักมาจากบรรดาเจ๊ ๆ ที่เขาเรียกกันว่า 2ต. กับอีก 1อ. จึงทำให้กระทิงเปลี่ยวโชว์ภูมิแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ พร้อมกับสร้างเรตติ้งให้กับตัวเองไปแบบสวย ๆ จนต้องยอมรับกันตามตรงว่า ช่วงนั้นเขาฮอตจริง ๆ พะยะค่ะ
*ในขณะที่วันนี้เจ้าตัวถูกสังคมกระชากหน้ากากออกมาให้เห็นแบบหมดเปลือก จึงมีแต่คนรุมสาปแช่งกระทิงเปลี่ยวแบบไม่มีชิ้นดี และรุกลามไปเม้าท์ถึงคนที่เคยหนุนหลังก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยเฉพาะในรายของ เจ๊ อ. ที่เพิ่งโดน ก.ล.ต. เชือดเมื่อปลายปี 64 พร้อมกับสั่งห้ามเป็นผู้บริหารในตลาดหุ้นเป็นเวลา 2 ปีกว่า หลังปล่อยปละละเลยการส่งมอบหุ้นไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ และทำให้เงินกองทุนของบริษัทมีปัญหาไงล่ะคะ
*ฉะนั้นการที่ผู้เสียหายอีกรายที่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมลวนลามของกระทิงหนุ่มหนุ่มในสมัยที่นั่งบอร์ดตลาดฯ และตัวผู้เสียหายก็ยังเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ตลาดฯ จึงสร้างรอยด่างพร้อยให้กับตลาดหลักทรัพย์เต็ม ๆ จนต้องเร่งสืบหาเรื่องราวดังกล่าวกันจ้าละหวั่น “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่คนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เต้นผางกันเป็นแถว เพราะกลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกไปเสียฉิบซะอย่างนั้น!
*งานนี้บอกได้ทันทีว่า ตลาดซวย! เพราะนอกจาก “เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้ลอง แต่ต้องเอากระดูกมาแขวนคอ” เลยกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะออกมาพูดอะไรทั้งสิ้น (ไม่อยากเปลืองตัวกับกระทิงหนุ่ม) และต้องยอมปล่อยให้มีเสียงซุบซิบนินทากันต่อไป บวกกับสมัยนั้นไม่มีใครรู้ธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ จึงกลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องให้เหยื่อแต่ละรายออกมาแฉอีกนะคะ
*วกกลับมาดูบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกันบ้างดีกว่า เพราะการที่ดัชนีพุ่งปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาปิดในระดับ1,675.62 จุด บวกไป 7.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.43 หมื่นล้านบาท ก็ทำให้รู้ทันทีว่า นี่คือการเคลื่อนตัวแบบ W-Shape ซึ่งมีกรอบใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,600-1,700 จุด ส่วนกรอบเล็กที่เล่นกันบ่อยอยู่ในระดับ 1,660-1,700 จุด ซึ่งเป็นภาพที่เห็นกันเป็นประจำในช่วง 4 เดือนนะจะบอกให้
*ในเมื่อเม้าท์ถึงภาพเดิม ๆ ที่เห็นเป็นประจำขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่พี่เทพ PTTEP เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นลงของหุ้นในช่วงเดือนครึ่งก็ล้อไปตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งตอนนั้นเป็นจังหวะที่ราคาพุ่งทะลุ 120 เหรียญ ราคาหุ้นก็เลยวิ่งขึ้นไปแตะ 158 บาท ขณะที่เที่ยวนี้ราคาน้ำมันดิบทำท่าจะวิ่งทะลุขึ้นไปอีกรอบ ราคาหุ้นเลยวิ่งขึ้นมาปิดที่ 152 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.51 พันล้านบาทไงล่ะคะ
*ส่วนรายที่โอเว่อร์แอคติ้งเกินใคร ๆ “โมนิก้า” ต้องมองไปยังหุ้น TEAMG อีกครั้ง เพราะการลากหุ้นขึ้นไปถึงเกือบซิลลิ่ง แต่หลังจากนั้นโดนทุบพรวดเดียวลงมาปิดที่ระดับ 9.85 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือขึ้นไป 10.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 805 ล้านบาท มันเป็นเกมที่โหดเกินไปหน่อยในสายตาคนวงนอก แต่ถ้ามองถึงกลุ่มเล่นหุ้นสายฮาร์ดคอร์ที่เข้าหุ้นตัวนี้เป็นประจำ ก็เป็นเกมที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีว่า ลุกทีหลังจ่ายรอบวงนะจ๊ะ
*หากยังต้องการหุ้นที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในตัวแซ่บของวงการ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น GSC เพื่อให้แฟนคลับเข้าใจถึงเบื้องหลังที่แมงลือเม้าท์กันสนั่นหวั่นไหวนั้น มันมีการเอ่ยถึงชื่อ เฮีย ม. เป็นคนเดินเกมทั้งหมด โดยมีนายทุนที่เป็นกระเป๋าเงินอย่าง เฮีย ธ. คอยซับพอร์ต บรรดาแมงลือเลยไม่แปลกใจที่หุ้นกระชากขึ้นมาปิด 2.88 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 272 ล้านบาทเจ้าค่ะ